ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.23/25 แข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาค  (อ่าน 398 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ deam205

  • *
  • กระทู้: 1,097
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.23/25 แข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาค คาดกรอบพรุ่งนี้ 33.15-33.35

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.23/25 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่า เล็กน้อยจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.27 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเย็นนี้แข็งค่าทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค ระหว่างวันยังไม่มีปัจจัยใหม่ เป็นการแข็งค่าตามดอลลาร์ที่อ่อนค่าเล็ก น้อย หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15 - 33.35 บาท/ ดอลลาร์

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.15 - 33.35 บาท/ดอลลาร์ ส่วนคืนนี้ยังไม่มี ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.53/56 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 114.56 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1469/73 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1441 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,680.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.52 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 82,469 ล้านบาท
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 988.54 ลบ. (SET+MAI)
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศไทย จะอยู่ในกรอบ 1-3% แม้สินค้ามีราคา
แพงขึ้น ขออย่ามองเพียงแค่ราคาสินค้าอย่างเดียว ต้องดูวิธีบริหารจัดการอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจากการหารือกับ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การควบคุมอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในเป้าหมาย แต่หากเงินเฟ้อขยับใกล้เคียง 3% จะมีการประเมินและ
ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่แล้ว
รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 ม.ค.) จะหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.
พลังงาน เรื่องการเลื่อนมาตรการคนละครึ่งเฟส 4 ให้เร็วกว่ากำหนดเดิมที่จะใช้ในวันที่ 1 มี.ค.-30 เม.ย.65 เนื่องจากขณะนี้
ประชาชนประสบปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น จากสินค้าจำเป็นหลายรายการมีราคาแพงขึ้น
ม.หอการค้าไทย ประเมินว่าในปี 65 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 4% โดยในช่วงครึ่งปีแรก โต 2.5-3% ส่วนครึ่งปี
หลัง โต 5-5.5% อัตราเงินเฟ้อทั้งปี อยู่ที่ระดับ 1.5% โดยในช่วงครึ่งปีแรก อยู่ที่ 2-2.5% และครึ่งปีหลัง อยู่ที่ 1-1.5%
ม.หอการค้าไทย คาดว่าการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจะคลี่คลายลงได้ในเดือนม.ค.นี้ และที่สำคัญต้องไม่มี
การประกาศล็อกดาวน์ โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเข้มแข็งพอที่จะรับมือกับสถานการณ์โอมิครอนได้ดี พร้อมเชื่อว่าจะเริ่มเห็นการฟื้น
ตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 และจะเติบโตอย่างเข้มแข็งในช่วงครึ่งหลังของปี 65 เป็นต้นไป
ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ม.ค.65 อยู่ที่ 69.95 จุด ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.56 จุด หรือ 0.80%
จากระดับ 69.39 จุด ในเดือน ธ.ค.64 โดยมีปัจจัยมาจากความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย การอ่อนค่าของเงินบาท นโยบายทางการ
เงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์
ใหม่
สหราชอาณาจักร (UK) และอินเดียเตรียมเปิดเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีในวันนี้ (13 ม.ค.) ซึ่งจะถือเป็นข้อตกลงล่าสุด
สำหรับ UK หลังถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) หรือเบร็กซิท (Brexit) ในขณะที่ UK พยายามหาทางกระชับความ
สัมพันธ์ทางเศรษฐกิจนอก EU ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้าสู่จีนปี 2564 พุ่งขึ้น 14.9%
เมื่อเทียบรายปี แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.15 ล้านล้านหยวน
คณะรัฐมนตรีจีนเปิดเผยแผนที่จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี
ฉบับที่ 14 (2564-2568)
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน 12 เขตของสหรัฐหรือ Beige Book โดยระบุว่า
ภาคเอกชนในหลายเขตของสหรัฐคาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า จะชะลอตัวลง โดยกิจกรรมที่เกี่ยว
ข้องกับการเดินทางเพื่อสันทนาการ, การจองโรงแรม และการรับประทานอาหารในร้าน ได้ชะลอตัวลงอย่างฉับพลัน เนื่องจากจำนวนผู้ติด
เชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า เงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในไตรมาส 2/2565