ผู้เขียน หัวข้อ: ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ  (อ่าน 337 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jenny937

  • *
  • กระทู้: 644
  • Popular Vote : 0


ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้

ณ เวลา 23.56 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.09% สู่ระดับ 115.44 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.03% สู่ระดับ 131.92 เยน และดีดตัวขึ้น 0.15% สู่ระดับ 1.143 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.17% สู่ระดับ 95.48

นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาเห็นว่าการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ถือว่ามีความเหมาะสม แต่เขาก็คาดว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง

"เราคงต้องดูว่าเศรษฐกิจจะมีการตอบสนองอย่างไรหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือนมี.ค." นายบอสติกกล่าวต่อสำนักข่าว CNBC

นอกจากนี้ นายบอสนิกกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐอาจกำลังเริ่มชะลอตัวลง

"ผมมีความหวังว่าเราจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อปรับตัวลง โดยมีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้เรื่องนี้" เขากล่าว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ก่อนที่เฟดจะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.2525 จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย.

นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. โดยคาดว่าสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปีในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาเชื่อว่าเฟดยังคงสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ย "ได้อีกมาก" โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 35% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 14%

ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกาออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25%

หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่แบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ หมายความว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 0.00-0.25%

นอกจากนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกายังคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 จนแตะระดับ 2.75-3.00% ก่อนที่จะมีการทบทวนนโยบายการเงิน