ผู้เขียน หัวข้อ: K WEALTH แนะทยอยขายทองคำ-น้ำมันทำกำไร ลงทุนต่อในสินทรัยพ์ที่ย่อตัว  (อ่าน 364 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Prichas

  • *
  • กระทู้: 1,059
  • Popular Vote : 0
K WEALTH แนะทยอยขายทองคำ-น้ำมันทำกำไร ลงทุนต่อในสินทรัยพ์ที่ย่อตัว เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาว

K WEALTH โดยธนาคารกสิกรไทย แนะนำกลยุทธ์ปรับพอร์ตช่วงราคาทองคำและน้ำมันขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ให้ทยอยขายบางส่วน นำกำไรมาลงทุนต่อในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ราคากำลังย่อตัว เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว

นายวีระพล บดีรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า และ K WEALTH GURU ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนช่วงนี้ ราคาทองคำและน้ำมันขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ เกิดจากนักลงทุนกังวลเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงทั่วโลก ถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนที่มีทองคำ น้ำมันอยู่ในพอร์ตควรทยอยขายบางส่วนเพื่อทำกำไร ให้มีสัดส่วนทองคำในพอร์ตประมาณ 5%-10% และนำกำไรนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ราคากำลังย่อตัว แต่มีความสามารถฟื้นตัวในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว โดยมีกลยุทธ์สำหรับจัดการสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังนี้

หุ้นยุโรป ปรับตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงคราม รวมถึงถูกกดดันจากราคาพลังงานและแก๊สที่สูงขึ้น จึงแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน

หุ้นสหรัฐ ดัชนี Russell 2000 (หุ้นขนาดเล็ก) เทียบกับ S&P500 (หุ้นขนาดใหญ่) ปรับตัวลง เป็นดัชนีชี้วัดล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน ว่าเศรษฐกิจมีโอกาสหดตัว แนะนำว่าผู้ที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ อยู่ ยังถือต่อได้ แต่ไม่แนะนำให้ลงทุนเพิ่ม

หุ้นไทย ประเมินหุ้นไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงราว 3% แต่ยังถือว่าได้รับผลกระทบน้อย คนที่สนใจหุ้นไทย สามารถลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มค้าปลีกได้ สำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ลงทุนในหุ้นโดยตรง มีกองทุนแนะนำคือ K-STAR, K-VALUE, K-SET50, K-BANKING

คริปโทฯ เป็นสินทรัพย์ทางเลือก ที่ราคาผันผวนสูง สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในคริปโทฯ แนะนำว่าควรมีไม่เกิน 5% ของพอร์ต และแม้ว่าที่ผ่านมา จะมีเงินไหลเข้าตลาดคริปโทฯ กว่า 260 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากการแทรกแซงสถาบันการเงินของรัสเซีย และการบริจาคทุนให้ยูเครน ทำให้มูลค่าตลาดคริปโทฯ เติบโตมหาศาล แต่ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนที่สูงมากเช่นกัน

NFT เป็นการลงทุนทางเลือกเชิงไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Alternative Investment) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ก็เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง โดยเฉพาะ NFT ที่ผูกกับคริปโทฯ จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพราะมูลค่าของคริปโทฯ อาจผันผวนได้รุนแรง ส่วน NFT ที่ผูกกับเงินบาท เช่น NFT งานศิลปะที่เสนอขายบนแพลตฟอร์ม Coral จะไม่มีความเสี่ยงในเรื่องนี้ ทั้งนี้ มูลค่าของ NFT ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไร ควรศึกษาศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า เช่น ชื่อเสียงของผู้สร้าง ความหายาก ประวัติที่มาของผลงานนั้นๆ เป็นต้น

สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย อาจจะไม่เหมาะกับหุ้น คริปโทฯ หรือ NFT สามารถพักเงินในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำเช่น ตราสารหนี้ อย่างกองทุน K-SFPLUS, K-CBOND ไว้ก่อนได้ เพื่อรอดูสถานการณ์และตัดสินใจลงทุนภายหลัง