ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ขานรับเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนคืบหน้า  (อ่าน 400 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Shopd2

  • *
  • กระทู้: 1,209
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ขานรับเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนคืบหน้า

สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (16 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลและกลับเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความคืบหน้า

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.48% แตะที่ 98.6230 เมื่อคืนนี้

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1007 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0943 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3119 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3034 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7265 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7190 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 118.70 เยน จากระดับ 118.32 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9424 ฟรังก์ จากระดับ 0.9420 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2722 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2781 ดอลลาร์แคนาดา

สกุลเงินยูโรได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเคน โดยนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียและยูเครนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงบางส่วนในการเจรจาสันติภาพ หลังจากที่ยูเครนยอมตกลงที่จะหารือเกี่ยวกับสถานะประเทศเป็นกลาง ซึ่งข่าวดังกล่าวถือเป็นสัญญาณบวกว่ารัสเซียอาจจะยุติการทำสงครามในยูเครน

ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวอย่างชัดเจนว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และกล่าวว่า การทำข้อตกลงกับรัสเซียในการยุติสงครามในยูเครนเริ่มใกล้ความจริงมากขึ้น

นอกจากนี้ นายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ปธน.เซเลนสกีอาจจัดการเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในอีกไม่กี่วันนี้ โดยเขาเชื่อว่าหนทางเดียวที่จะยุติสงครามนี้คือการเจรจาโดยตรงระหว่างประธานาธิบดีทั้งสอง

สำหรับผลการประชุมเฟดเมื่อวานนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเฟดระบุว่า สงครามในยูเครนและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งในระยะใกล้ ปัจจัยดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เฟดระบุว่า การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะเดียวกันเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 4.3% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2566-2567 สู่ระดับ 2.7% และ 2.3% ตามลำดับ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้