ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.32 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อนตามทิศทางภูมิภาค ให้กรอบ 33.25-33.40  (อ่าน 537 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Ailie662

  • *
  • กระทู้: 817
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.32 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อนตามทิศทางภูมิภาค ให้กรอบ 33.25-33.40

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.32 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.28 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่หลายคน ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาให้ความเห็นในเชิงสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบต่อๆ ไปครั้งละ 0.50% เพื่อให้เพียงพอที่จะรับมือกับเงินเฟ้อสูงในสหรัฐ

"ตอนนี้สมาชิกเฟดหลายคน เริ่มออกมาหนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในรอบถัดๆ ไป เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่สูงในสหรัฐ"
นักบริหารเงิน ระบุ
วันนี้ยังไม่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐ ซึ่งตลาดยังคงติดตามสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนต่อไป

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25 - 33.40 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (18 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.54387% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.59312%

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 119.18 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 118.94 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1050 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1062 ดอลลาร์/ยูโร
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.307 บาท/ดอลลาร์
พาณิชย์เตรียมรับมือผลกระทบสงครามรัสเซียกับยูเครน เตรียมรับมือสถานการณ์ของแพง-ขาดตลาด เตือนผู้ส่งออกชะลอ
ขายของให้รัสเซียลดความเสี่ยง ขณะที่ราคาข้าวในประเทศเริ่มดีขึ้น
"ส.อ.ท." ผวาต้นทุนการผลิตสูงต่อเนื่องจากวิกฤตขัดแย้ง "รัสเซีย-ยูเครน" ดันน้ำมัน-ค่าไฟ-LPG ขยับยกแผง วัตถุดิบ-
บรรจุภัณฑ์ราคาพุ่ง ล่าสุดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% คาดอาจปรับอีก 6 ครั้ง รับราคาสินค้าเริ่มอั้นไม่ไหว ห่วง SMEs อาจกลับไปทรุดหนัก
แนะรัฐออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อประคอง ศก.
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.
พาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับ ซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้อง
กับอัตลักษณ์ วัฒนธรรม การท่องเที่ยวของไทยแล้วนั้น กรมได้ดำเนินการมาแล้วอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เดือนต.ค.64-ก.พ.65 มีผู้
ประกอบการ เช่น ธุรกิจภาพยนตร์ เพลง แอนิเมชัน เกม อาหาร สมุนไพร เข้าร่วมกิจกรรมด้าน Soft Power แล้ว 659 ราย สร้าง
มูลค่าการซื้อขายกว่า 941 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายว่า ทั้งปีนี้จะผลักดันให้มีการสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 3,632 ล้านบาท
"คลัง" สั่ง "แบงก์รัฐ" หนุนเงินทุนธุรกิจสตาร์ทอัพ คาดมาตรการเว้นภาษี Capital Gains Tax ปลุกลงทุนสตาร์ทอัพ
พุ่ง 3.2 แสนล้านบาทในปี 69 "ศุภชัย" ชี้สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 7.9 แสนล้าน จ้างงานเพิ่มกว่า 4 แสนตำแหน่ง "ชัยวุฒิ" ลั่น อยู่
ระหว่างเสนอร่างพ.ร.ฎ. หวังปลุกแรงบันดาลใจสตาร์ทอัพปั้นสู่ Soft Power ประเทศ "บีโอไอ" กางแผน 4 ด้าน พัฒนา "แอพ-ดีพเท
ค" ให้สิทธิเว้นภาษี 13 ปี
ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.7% และคงอัตราดอกเบี้ย
LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.6% ในวันนี้ โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
เงินกู้ LPR ทั้งสองประเภท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นและอีกหลายเมือง เพื่อป้องกันการแพร่
ระบาดของโรคโควิด-19
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐในการประชุมผ่านวิดีโอคอลเมื่อวันที่ 18 มี.ค.
ว่า ประเด็นไต้หวันต้องมีการจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐได้เตือนประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเมื่อวันศุกร์ (18 มี.
ค.) ถึงผลกระทบที่จะตามมา หากจีนให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมต่อการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน ขณะที่ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความ
จำเป็นในการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูตสำหรับวิกฤตครั้งนี้
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ
ได้เตือนประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนถึงผลกระทบที่จะตามมา หากจีนให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมต่อการที่รัสเซียบุกโจมตี
ยูเครน ขณะที่ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูตสำหรับวิกฤตครั้งนี้
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.พ.,
ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-

ภาคบริการขั้นต้นเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน