update
"ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์" คอนเฟิร์มแล้ว!!!
เอฟวัน จัด ราชดำเนิน ไนท์เรซ
เซ็น 3 ปี ทุน 5 พันล. รอแค่สัญญา
คอความเร็วเมืองไทยได้เฮครั้งใหญ่ เมื่อโครงการ ฟอร์มูล่าวัน อิน ไทยแลนด์ ได้ข้อสรุปแล้ว ระบุใช้ ถนนราชดำเนิน จัดการแข่งขันแบบสตรีทเซอร์กิต ที่สำคัญจะเป็นไนท์เรซรายการที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ขณะ กกท. เผยไทยและเอฟวันมีความเห็นตรงกัน เริ่มต้นฤดูกาล 2014 สัญญา 3 ปี ทุ่มงบ 5,000 ล้านบาท ทุกอย่างลงตัว รอเพียงลายเซ็นจาก เบอร์นี เอ็กเคิลสโตน ขาใหญ่รถสูตรหนึ่งชาวอังกฤษ
ตกเป็นกระแสสังคมมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการจัดการแข่งขันฟอร์มูล่าวันในเมืองไทย ซึ่งเรื่องนี้ถูกชงจาก คณะรัฐมนตรี ผ่านทางกระทรวงท่องเที่ยงและกีฬา โดยมอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นผู้ติดต่อประสานงานกับทั้ง สหพันธุ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) และ เบอร์นี เอ็กเคิลสโตน ผู้กุมสิทธิประโยชน์ของศึกรถสูตรหนึ่ง
ล่าสุด กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดงานแถลงผลงานตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยมีนายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ ติณห์ ศรีตรัย นักขับไทยที่ลงแข่งรายการ ทัวริ่งคาร์ ซีรีส์ อิน เอเชีย ร่วมพูดคุยในงานดังกล่าว
นายกนกพันธุ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดของโครงการ ฟอร์มูล่าวัน อิน ไทยแลนด์ ว่า ขณะนี้เราได้ข้อสรุปที่ตรงกันกับทั้งทาง เอฟไอเอ และ เบอร์นี เอ็กเคิลสโตน เจ้าของลิขสิทธิ์เอฟวันแล้ว โดย ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นชื่อรายการในเบื้องต้นจะถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2014 คาดว่าสัญญานั้นจะมีอายุ 3 ปี ส่วนสถานที่จัดการแข่งขันจะใช้ถนนรอบๆ ถนนราชดำเนิน เป็นสตรีทเซอร์กิตของเมืองไทย และจะเป็นไนท์เรซรายการที่ 2 ของประวัติศาสตร์รถสูตรหนึ่งต่อจาก สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์
ทั้งนี้ นายกนกพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เส้นทางที่เราสรุปให้เป็น ราชดำเนินสตรีทเซอร์กิต นั้น ได้รับการสนับสนุนจากทั้งเอฟไอเอ และ เอ็กเคิลสโตน ซึ่งขณะนี้ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว รอเพียงการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับ เบอร์นี เอ็กเคิลสโตนเท่านั้น โดยคาดว่าภายในสุดสัปดาห์นี้ที่ผมเดินทางไปพบผู้กุมลิขสิทธิ์เอฟวัน ที่ สิงคโปร์กรังด์ปรีซ์ และหากทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี สัญญาฉบับดังกล่าวจะถูกเซ็นและมีผลอย่างเป็นทางการแน่นอน
ขณะเดียวกัน นายกนกพันธุ์ กล่าวถึงเงื่อนไขที่ต้องตกลงกับ เอ็กเคิลสโตน ว่า เรายังจำเป็นต้องตกลงเรื่องค่าลิขสิทธิ์ในการจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง ซึ่งหากตัวเลขไม่เกิน 1,500 ล้านบาทต่อปี เราก็พร้อมที่จะยอมรับข้อเสนอดังกล่าวทันที เชื่อว่าหลังจากจบการแข่งขันสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ จะมีข่าวดีให้คนไทยได้ชื่นใจอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ผู้ว่า กกท. ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนนั้นเบื้องต้นเราตั้งงบประมาณไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ในการจัดการแข่งขัน 3 ปี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการเริ่มต้นในปีแรกต้องใช้งบประมาณสูงมาก ทั้งในเรื่องการก่อสร้างสนามและค่าลิขสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพด้วย แต่ในขณะเดียวกันนอกจากการดำเนินการในส่วนของ ราชดำเนินสตรีทเซอร์กิตแล้ว เราก็จะทำการสร้างสนามฟอร์มูล่าวันแบบเซอร์กิตถาวรควบคู่กันไปด้วย โดยมีโครงการระยะเวลา 3 ปี ส่วนสถานที่ในการสร้างสนามนั้นกำลังพิจารณาระหว่าง กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่ และชลบุรี ซึ่งเชื่อว่าทั้ง 3 จังหวัดมีความเหมาะสมมากที่สุด
ด้านการแข่งขันรายการ เรซ ออฟ แชมเปี้ยนส์ 2012 ที่จะมีขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย จะมีความพิเศษมากกว่าที่อื่นๆ ที่เคยมีมา โดยปกติการแข่งขันรายการพิเศษนี้ จะจัดขึ้นเพียง 2 วันคือ เสาร์ และ อาทิตย์ ทว่า เรซ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ในเมืองไทย จะจัดขึ้นทั้งสิ้น 3 วัน โดยจะเพิ่มเติมในส่วนของวันศุกร์เข้ามา เป็นการแข่งขันรายการพิเศษเฉพาะนักขับในอาเซียน และที่สำคัญจะมีรถแข่งโตโยต้า 86 จากประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ส่วน 2 วันที่เหลือก็จะดำเนินการตามรูปแบบเดิมของ เรซ ออฟ แชเมปี้ยนส์
อย่างไรก็ดี จากการเปิดเผยของ นายกนกพันธุ์ นั้น แม้ว่าจะเป็นการลงความเห็นที่ตรงกันของทั้งประเทศไทย และ เอฟวัน แล้วก็ตาม แต่ทั้ง 2 ฝ่ายยังคงต้องมีการตกลงในเรื่องค่าลิขสิทธิ์จัดการแข่งขัน ซึ่งเบื้องต้นประเทศไทยยอมรับได้ในมูลค่า 1,500 บาทต่อปี หากมากกว่านั้นอาจต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยว่า ค่าลิขสิทธิ์ของศึก สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ในเวลานี้ ขยับไปเป็น 2,000 ล้านบาท แล้ว ซึ่งคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่แน่ชัดอีกครั้งภายหลังจบการแข่งขัน ทิ่สิงคโปร์ ในสุดสัปดาห์นี้
ที่มา
http://www.motorsportlives.com/f1-news-80.html