กู้ข้อมูลดีๆที่หายไป จากทั่นประธานเคนเคยเขียนไว้สำหรับ มือใหม่ในการเข้าโค้ง
http://www.siamsubaru.com/subaruboard/index.php?topic=21603.0http://www.siamsubaru.com/subaruboard/index.php/topic,66476.0.html"!!!!! ข้อควรระวังสำหรับมือใหม่ ในการเข้าโค้งครับ สำคัญมาก โปรดอ่าน !!!!!!!! "
เนื่องจากที่ผ่านมาและปีนี้ทั้งปี เราจะมีกิจกรรมในสนามแข่งกันบ่อยขึ้น รวมถึงการเรียนขับรถอย่างถูกวิธี
เซียนหลายๆคน ขับในสนามมานานจนลืมไปแล้วว่านิสัยผิดๆที่เมื่อก่อนเคยเป็นนั้นมีอะไรบ้าง
ผม เองก็เป็นคนนึงที่เพิ่งหัดขับได้ไม่นาน และรู้ซึ้งถึงประโยชน์ของการขับรถอย่างถูกวิธี จึงอยากจะเขียนบทความที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่อาจจะยังมีความเข้าใจ ผิดบางประการในการขับรถเกียร์ธรรมดา
บาง ท่านอาจติดนิสัยขับแบบผิดๆมาเป็นสิบปีโดยไม่เกิดอุบัติเหตุก็อาจจะเถียงผม ได้ว่าไม่เห็นเป็นไรเลย นั่นเป็นเพราะท่านยังไปไม่ถึงลิมิตของตัวรถ มันจึงมีพื้นที่เหลือให้ท่านผิดพลาดได้อีก หรือไม่ก็ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ท่านจะต้องแก้ไข
สิ่ง ที่จะบอกต่อไปนี้อาจไม่ได้เป็นวิธีที่ทำให้คุณขับเร็วที่สุด แต่เป็นวิธีที่จะทำให้เริ่มต้นการขับในสนามได้อย่างปลอดภัยและเข้าใจง่าย โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการถ่ายน้ำหนักของตัวรถ (weight transfer) ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด เนื้อหาจะไม่ได้เจาะลึกมาก เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดและมีหลายแง่มุม เพราะฉนั้นหากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็ถามต่อได้ หรือไว้ไปถามตอนเรียนขับกับจารย์อั๋นกันต่อก็ได้เช่นกันครับ
เกจิ ท่านใดอ่านแล้วมีข้อท้วงติงหรือเพิ่มเติม ก็ยินดีรับฟังทุกความเห็นนะครับ ผมไม่ใช่เซียนที่ไหน แค่เป็นคนที่ชอบขับแล้วก็เริ่มมาได้ไม่นานเท่าไหร่ คิดว่าเป็นประโยชน์เลยเขียนมาให้เพื่อนๆอ่านกัน
การเข้าโค้งสำหรับมือใหม่
เพื่อความเข้าใจโดยง่ายและปลอดภัย จะขอแบ่งการเข้าโค้งออกเป็น 4 ขั้นตอน
เมื่อรถวิ่งมาถึงทางโค้ง สิ่งที่จะต้องทำมีดังต่อไปนี้ (ห้ามทำสลับกัน)
1. เบรก เพื่อชะลอความเร็วให้เหมาะสมกับโค้งนั้นๆ การเบรกทำให้น้ำหนักรถถ่ายมาด้านหน้า ส่งผลให้รถหน้าทิ่ม ท้ายยก ยางหน้ามี traction มากกว่ายางหลัง(หน้าเกาะกว่าหลัง) ท้ายรถเบา ถ้าเบรกหนักเกินจนล้อล็อค ยางจะไถไปกับพื้นถนนและขาดการควบคุม ไม่ว่าจะหักพวงมาลัยยังไงรถก็จะไม่เลี้ยว(ยางรับภาระเกินความสามารถ) จนกว่าจะคลายเบรกเพื่อให้ยางรับภาระน้อยลงจึงจะสามารถควบคุมทิศทางได้อีก
2. เปลี่ยนเกียร์ลง (shift down) เพื่อให้อัตราทดเกียร์เหมาะสมกับความเร็วระหว่างที่อยู่ในโค้งและกดคัน เร่งออกจากโค้ง หากเปลี่ยนเกียร์ได้ไม่นุ่มนวลจะทำให้รถมีอาการหน้าทิ่ม น้ำหนักรถจะถ่ายมายังล้อหน้า
3. ปล่อยเบรก เมื่อลดความเร็วลงอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับโค้งแล้วให้ปล่อยเบรก ณ จุดนี้น้ำหนักรถจะเริ่มถ่ายไปข้างหลัง
4. เลี้ยวและเดินคันเร่ง น้ำหนักรถจะถ่ายไปข้างหลังมากขึ้นจากการเดินคันเร่ง และถ่ายไปด้านข้างจากการหักพวงมาลัยเลี้ยว น้ำหนักคันเร่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างน้อยที่สุดให้คลอคันเร่งตลอดเวลาที่อยู่ในโค้ง ไม่ควร เข้าโค้งแบบใส่เกียร์ว่างหรือไม่เหยียบคันเร่งเลย(ลอยเข้าไป) เพราะการคลอคันเร่งจะทำให้มีกำลังส่งถ่ายไปยังล้อตลอดเวลา ทำให้อาการรถมั่นคงขึ้น แต่ไม่ควรเกินลิมิตของยางที่รับได้เพราะจะทำให้รถ understeer หรือ oversteer ได้
แรกๆอาจจะยังไม่ค่อยคล่องและมี รอยต่อระหว่างการ เบรก เปลี่ยนเกียร์ ปล่อยเบรก เลี้ยว เดินคันเร่ง ฝึกไปเรื่อยๆครับ พยายามทำให้ไม่มีรอยต่อระหว่างแต่ละอย่าง แล้วก็ปรับน้ำหนักมากน้อยของแต่ละอัน ฝึกบนนถนนในชีวิตประจำวันด้วยก็ได้นะครับ จะช่วยให้ขับได้อย่างปลอดภัยขึ้น
สิ่งที่ควรระวังที่สุดสำหรับมือใหม่ คือ
ไม่ ควรเหยียบเบรกในขณะที่พวงมาลัยไม่ตรง (เลี้ยวไปเบรกไป) การเลี้ยวไปเบรก(trail braking)ไปไม่ใช่สิ่งที่ผิด อันที่จริงเป็นสิ่งที่นักขับทุกคนต้องทำได้หากต้องการจะเร็ว แต่สำหรับมือใหม่แล้วมันยากที่ตัวท่านจะรู้ถึงลิมิตของยางและอาการต่างๆของ รถตลอดจนการแก้ไขการเสียการทรงตัวของรถ ดังนั้นมือใหม่จึงยังไม่ควรใช้เทคนิค trail braking หรือเบรกควบคุมน้ำหนักเบรกขณะเข้าโค้ง การเบรคขณะเข้าโค้งส่งทำให้รถได้รับแรงจากสองทางคือ
1. การเบรกทำให้น้ำหนักรถจะถ่ายไปอยู่ล้อหน้า ทำให้ล้อหน้าเกาะกว่าล้อหลัง น้ำหนักด้านหลังจะเบา ท้ายจะยก
2. การเลี้ยวทำให้น้ำหนักรถถ่ายไปด้านข้างในทิศทางตรงกันข้ามกับทิศที่เราจะเลี้ยวไป ทำให้รถเอียงออกหนีโค้ง
ถ้าแรงสองอย่างนี้รวมกันแล้วเกินภาระที่ยางล้อหลังจะรับได้ จะทำให้ ท้ายออกหรือท้ายปัดนั่นเอง(oversteer) จนอาจถึงขั้นรถหมุนได้
การ ที่บอกไว้ด้านบนว่าให้เริ่มปล่อยเบรกและคลอคันเร่งก่อนที่จะเลี้ยวเป็นการ ถ่ายน้ำหนักให้ไปอยู่ล้อหลังเหมือนเดิม หน้ารถจะได้ไม่ทิ่มขณะอยู่ในโค้ง น้ำหนักรถจะกระจายอย่างสมดุล ไม่มีล้อใดรับภาระมากกว่าล้ออื่นเยอะๆจนทำให้เสียอาการ ล้อทั้งสี่จะเกาะถนนเท่าๆกัน รถจะไม่หมุน
แต่ขณะอยู่ในโค้งหากเรา เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินกว่ายางจะรับภาระได้ รถก็จะไถลออกด้านนอก(แหกโค้ง หรือ understeer นั่นเอง) เพราะการเลี้ยวคือการที่รถต้องพยามยามฝืนแรงที่ส่งมาจากทางตรงโดยใช้ความฝืด (friction) ที่ยางทำกับถนน เป็นตัวเปลี่ยนทิศทางของรถให้เลี้ยว ถ้าหากแรงที่ส่งจากทางตรงสูงเกินไป เมื่อเราต้องการที่จะเลี้ยว ศักยภาพของยางในการที่จะฝืนรถให้เลี้ยวก็จะเหลือน้อยลง ถ้าหากหักพวงมาลัยมากเกิน รถก็จะแถออกด้านข้าง ทำให้เลี้ยวไม่เข้า วิธีแก้คือต้องชะลอความเร็ว(ยกคันเร่งหรือแตะเบรก แต่ถ้าจะแตะเบรกล้อต้องตั้งตรง ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็น oversteer ทำให้ท้ายออก รถหมุน) เพื่อให้ยางมีประสิทธิภาพเหลือมากพอที่จะเลี้ยว
สรุปข้อห้ามและข้อควรกระทำขณะเข้าโค้งสำหรับมือใหม่
1. ห้ามเบรกอย่างรุนแรงขณะเข้าโค้ง
2. ห้ามเหยียบคลัชแช่ไว้ขณะเข้าโค้ง
3. เบรกให้เสร็จก่อนจะเริ่มเลี้ยว
4. ไม่เปลี่ยนเกียร์ขณะอยู่ในโค้ง เพราะการ shift down ที่ไม่นุ่มนวลจะทำให้รถหน้าทิ่ม และผลจะเป็นแบบ oversteer
5. หลังจากเบรกเสร็จให้เริ่มคลอคันเร่ง (น้ำหนักคันเร่งแล้วแต่สถานการณ์ ถ้าช้าไปก็เติมได้ ถ้าความเร็วสูงพอแล้วก็แค่คลอไป)
6. ถ้าไม่แน่ใจว่าโค้งนั้นต้องใช้ความเร็วเท่าใด ให้ใช้ความเร็วต่ำกว่าที่ประเมินไว้ (ปลอดภัยไว้ก่อน)
7. หากมีข้อสงสัยหรือไม่มั่นใจ ให้ถามคนมีประสบการณ์ทันที
8. เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าเข้าโค้งแล้วไม่มั่นใจหรือกลัว แสดงว่าเราขับเร็วเกินฝีมือ ให้ชะลอความเร็วลง
9. ไม่หักพวงมาลัยแบบฉับพลับ หรือกระตุกพวงมาลัยเวลาเลี้ยวหรือแซง เพราะจะทำให้รถเสียการทรงตัว
10. อย่าเอาเวลาเป็นตัววัดฝีมือตัวเองเป็นอันขาด ขับช้ากว่าแต่กลับบ้านปลอดภัย ย่อมดีกว่าเร็วแต่เสียวและเสี่ยง supergrin
ข้อห้ามทั้งหมดนี้ ก็ห้ามบนถนนเช่นกันนะครับ
CREDIT: จาก Ken Siam Subaru Society ครับ