เคน เชื่อพี่ ถ้าทำได้ขายทิ้งเหอะ หลังจากที่พี่ยุ้ยได้พูดประโยคนี้กับผม ผมได้แต่ยืนนิ่ง อึ้ง และรู้สึกพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างรอบๆตัวเหมือนกับหยุดนิ่งไปชัวขณะหนึ่ง เรียกว่าลืมหายใจกันเลยทีเดียวล่ะ สมองรู้สึกว่างเปล่า เมื่อวานยังเพิ่งจะดีใจโคตรๆที่ได้เป็นเจ้าของอิมคันแรกในชีวิต อุตส่าห์เก็บตังค์มาพักใหญ่ๆ เพื่อทำความฝันให้เป็นความจริงด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง แต่วันนี้กลับโดนบอกให้ต้องขาย มีคำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว จนพอรู้ตัวอีกทีเลยค่อยๆรวบรวมสติ แล้วก็คุยกับพี่ยุ้ยต่อ
"ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อวานเอง จะให้ขายแล้วเหรอ แล้วจะไปขายใคร มันโดนมาหนักมากเลยเหรอ พอจะซ่อมหรือทำอะไรได้บ้างมั๊ยครับ"
"พี่ว่าไม่น่าคุ้มหว่ะ ก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากขายก็เก็บไว้ใช้ แต่ก็อย่าขับเร็วมาก เค้าคงจะซ่อมมาดีแล้วแหล่ะ" ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่แหล่ะที่ติดใจ อะไรคือซ่อมมาดีแล้ววะ
"มันโดนมาหนักมากเลยเหรอพี่ บอกผมเหอะ ถ้าไม่รู้นี่คืนนี้ผมนอนไม่หลับแน่" ผมพยายามคะยั้นคะยอแกมบังคับให้พี่ยุ้ยบอก พี่ยุ้ยเองก็ทำหน้าลำบากใจเหมือนกับกำลังจะชั่งใจว่าจะบอกหรือไม่บอกดี ตอนนั้นบอกตรงๆว่าผมโกรธพี่ยุ้ยมากที่ไม่ยอมบอกผมซะที ไม่รู้จะอมพะนำไว้ทำไม แต่ตอนนี้ผมว่าผมเข้าใจแกนะ แกคงลำบากใจ ไม่รู้จะบอกผมยังงัยให้เสียใจน้อยที่สุด อารมณ์คงประมาณคุณหมอที่กำลังจะต้องบอกข่าวร้ายกับคนไข้อ่ะ
แต่แล้วในที่สุดแกคงรำคาญหรือไม่ก็ทนลูกตื้อของผมไม่ไหว เลยต้องยอมบอกความจริงกับผม
"รถคันนี้เป็นรถลูกค้าเก่าของที่นี่เองแหล่ะ ตอนแรกพี่เห็นทะเบียนก็ว่าคุ้นๆเลยเช็คประวัติลูกค้าดู ก็โป๊ะเลย ใช่จริงๆด้วย รถคันนี้ตอนก่อนเกิดอุบัติเหตุ เค้าเอารถมาทำที่นี่ คันนี้แต่งไปเยอะ แต่วันนึงหลานเค้าดันขโมยเอาไปขับ จนเอาไปชนเข้าให้"
"แล้วโดนตรงไหนอ่ะพี่ หน้า,ข้างหรือหลัง แต่ผมให้ช่างตัวถังเคาะ เคาะดังป๊องๆทั้งคันเลย ช่างบอกตัวถังสวยเลย"
"โฮ่ โดนเยอะขนาดไหน เอาเป็นว่าประกันซื้อคืนเป็นซากอ่ะ" เปรี้ยง เหมือนฟ้าผ่าลงกลางกบาล
เฮ้ย ซื้อคืนเป็นซากเลยเหรอ แสดงว่ามันไม่ธรรมดาแล้วนะงานนี้ มันต้องแรงมากๆเลยนะ
"แรงขนาดที่ว่ารถงอเป็นตัว V เลยหล่ะ" ฉึก ฉึก เหมือนโดนดาบที่สองจากพี่ยุ้ย รถงอเป็นรูปตัว V เลยเร๊อะ
โอย ฟังแล้วจะเป็นลม ถ้าโดนมาแรงขนาดนั้นแชสซีคงจะงอและคดไปแล้ว ไม่แปลกหรอกที่เวลาขับแล้วจะเกิดอาการขืนๆ บาลานซ์รถมันคงไม่มีแล้ว
"โห โดนมาขนาดนี้เลยเหรอพี่" ตอนนั้นผมหน้าซีด เหงื่อออก หูเหออื้อไปหมด
ตอนแรกกะว่าจะพยายามซ่อมอย่างน้อยถ้าไม่หนักจริงๆก็จะพยายามใช้ไปก่อน เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ก็ใช้ซื้อเจ้าคันนี้ไปหมดแล้ว
"พี่ถึงบอกว่าให้ขายทิ้ง ไปเล่นคันอื่นดีกว่างัย" พี่ยุ้ยตอบ
"จะให้เอาไปขายใครหล่ะครับ ยิ่งรู้อย่างงี้ผมยิ่งขายไม่ลง ถ้าผมขายให้คนอื่นไป คนนั้นเค้าก็คงจะต้องรู้สึกว่าโดนหลอกแบบเดียวกันกับผม ผมทำไม่ได้หรอก" ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
"ปล่อยเต๊นท์พอไหวป่ะพี่" ผมเหมือนกำลังจะพยายามที่จะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แต่ก็ไม่รู้จะไปทางไหนดี
"เอารถอย่างงี้ไปปล่อยเต๊นท์ ระวังจะโดนตื๊บนะ อิมมีอยู่ไม่กี่คัน เช็คไม่ยากหรอก แล้วถึงเต๊นท์จะรับ รถสภาพแบบนี้ก็คงโดนกดสุดๆเหลือแค่ไม่กี่ตังค์" เวร ช่างเป็นสถานการณ์ที่ดูไร้ทางออกดีจริงๆ ขายทิ้งก็ไม่ได้ เอาไปปล่อยเต๊นท์ก็ไม่คุ้มแถมถ้าจับได้ดวงซวยๆโดนตื้บเอาอีก
"แล้วเคนจะเอายังงัย"
"งั้นวันนี้เปลี่ยนพวกของเหลวไปก่อนแล้วกัน" ผมพูดไปแบบงงๆ ไม่รู้จะตอบอะไรและที่สำคัญไม่รู้ว่าจะทำยังงัยด้วย มันทั้งสับสน เหนื่อยและท้อ กูไม่น่าหาเรื่องเล๊ย ซื้อรถมาคันแรกก็โดนอย่างงี้ซะแล้ว พูดไม่ออกเลย
หลังจากนั้นก็ทำการยกรถขึ้นฮ้อยส์เพื่อที่จะเปลี่ยนพวกของเหลว พี่ยุ้ยแกก็เดินส่องดูโน่นดูนี่ จนได้ยินแกโพล่งออกมาว่า "โอ้โฮ มันทำกันง่ายๆอย่างงี้เลยเหรอวะ" แกก็กวักมือเรียกให้ผมเข้าไปใต้ท้องรถเพื่อดูอะไรบางอย่าง บางอย่างนั้นแทบจะทำให้ผมถึงกับล้มทั้งยืนเลยทีเดียว...