ขยับจะเขียนมานาน แต่เนื่องด้วยติดภารกิจ(งาน)เกือบทุกวัน ทำใ้ห้รายงานผลการใช้งานยาง PS3 เลื่อนมาซักหน่อย
แต่ก็ดีไปอย่างครับ เพราะทำให้ผมอยู่กับยางตัวนี้มากขึ้น
ก่อนอื่น ต้องท้าวความกันซักนิดนึง ว่า เมื่อหลายเดือนก่อน ทาง Michelin เปิดตัวยางใหม่เอี่ยม ในตระกูล Pilot sports ในชื่อ PS3
และเผอิญผมได้ร่วมงาน ในฐานะนักทดสอบ ก็เรียกได้ว่า อยู่กับยางตัวใหม่นี้หลายอาทิตย์ รวมไปถึงให้คำแนะนำสำหรับผู้ร่วมการทดสอบหลายร้อยคน
หนึ่งในจำนวนนั้น มีเหล่า car club ซึ่งก็แน่นอนว่ามีสมาชิก SSS ของเราด้วย ตามที่หลายๆท่านทราบดีอยู่แล้ว
การทดสอบในคราวนั้น จัดขึ้นที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี ก็มีทั้งการทดสอบบนสนามแบบ dry track และ wet track
รวมทั้งการใช้งานบนถนนด้านนอกสนามด้วย ผลที่ออกมา หลายๆท่านคงได้อ่านไปบ้างแล้ว ทั้งจากรีวิวของผมเอง และเพื่อนๆที่ไปทดสอบ
หลังจากงานจบ พวกเราอีกหลายคนก็ได้ลองยาง PS3 กันอีกครั้ง ในงาน SSS trackday ของเราเอง ซึ่งในครั้งนั้น ทาง Michelin ก็ได้
ร่วมเป็นสปอนเซอร์ และจัดยางเอาไว้ให้ผู้ที่สนใจ ได้ลองกันแบบเต็มๆ ในสนามแข่ง ซึ่งแก๊งค์ที่ได้ลอง คงได้รับรู้สมรรถนะกันไปเต็มที่
มาพูดถึงการใช้งานจริงๆ บนถนนบ้าง เพราะหลังงาน trackday เจ้าเลกาซี่แวนของผมก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนยางซะที ก็เผอิญว่าได้ยาง PS3
ชุดนี้มาประจำการพอดี อีกทั้งเป็นช่วงที่ผม "งานเข้า" คือต้องใช้รถทุกวันพอดีัเหมือนกัน ยางชุดนี้จึงมาได้จังหวะเหมาะเหม็งสุดๆ
225/40/18 คือขนาดยางที่ผมต้องใส่ ซึ่งจะว่าไป ไอ้เจ้าไซส์ที่ผมใช้ มี choice ให้เลือกไม่มากนัก ก่อนหน้านี้ ผมใช้มาสามชุด เริ่มด้วย
BFGoodrich จำรุ่นไม่ได้ แต่จำได้ว่าแหร่มเหมือนกัน ต่อด้วย Goodyear LS2000 Hybrid2 อันนี้ก็แจ๋ว แต่ดันไปได้ยางซี่รี่ส์สูงมา
คือไซส์ 225/45/18 ใส่ไปได้แว๊บเดียว ต้องถอดออก เนื่องจากยางหนาไป ติดซุ้ม และท้ายสุด YH S-drive ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นชุดปัจจุบัน
คือ Michelin PS3 ซึ่งถ้านับถึงวันที่เขียนรีวิวนี้ ก็ใช้งานบนถนนจริงมาได้ประมาณเกือบๆสองเดือนครับ
มาพูดถึงหน้าตากันซักหน่อยก่อนดีกว่า เจ้า PS3 หน้าตาออกไปในแนวทางของ Michelin คือเรียบหรู ดูดี ทรงดอกไม่โหดแบบยางญี่ปุ่น
ถ้าจับมาเทียบกับรุ่นพี่ของมัน ก็ดูจะคล้ายกับเจ้า PS2 ความแตกต่างจะอยู่ที่ร่องรีดน้ำ และขอบนอกของยางซะมากกว่า
คือดูจากหน้าตาอย่างเดียว มันก็คือยางใช้งานจริงๆ ตามที่ Michelin ต้องการให้มันเป็น คือไม่ได้เน้นไปที่สมรรถนะสุดๆแบบยางแข่ง
หรือยางประเภท Ultra high performance แบบที่พวกเราคุ้นเคย แต่เน้นไปที่ความคุ้มค่า และความหลากหลายในการใช้งาน
ไม่ว่าจะวิ่งบนถนนแห้ง หรือถนนเปียก ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุดของ PS3 ตัวนี้ ผมจะไม่พูดถึงโครงสร้าง หรือสเปคของยางให้มากนัก
จะเน้นไปที่การใช้งานจริงๆเป็นหลัก นับตั้งแต่วันแรกที่ยางลงพื้น จนถึงปัจจุบัน เสียงรบกวนที่ได้ ยังเท่าเดิม คืออยู่ในระดับที่ผมพอใจ
สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจน เมื่อเทียบกับยางชุดก่อนนี้ น่าจะเป็นเรื่องของความนุ่มนวล และการยึดเกาะถนนซะมากกว่า
กล่าวคือ มันนุ่มกว่าแบบเปลี่ยนปั๊บ รู้สึุกปุ๊บ ตรงนี้หลายท่านอาจจะคิดว่า อ้าว เทียบกับยางเก่า มันก็ต้องนุ่มกว่าแหงๆอยู่แล้ว
แต่ที่จริง ชุดก่อนนี้ ผมใช้งานได้ไม่นาน เอาเป็นว่าดอกยังแทบไม่สึกเลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่อยากลองยางใหม่ เลยจำใจเปลี่ยน
ถนนที่ผมใช้งาน หลักๆคือทางด่วน ถนนวงแหวน มอเ้ตอร์เวย์ รวมถึงถนนลอยฟ้าทุกสาย ก็แปลว่า ความเร็วเฉลี่ยที่ผมใช้ คือความเร็วค่อนข้างสูง
ไม่ใช่ว่าเร็วจัดบนทางตรงนะครับ อันนั้นผมไม่นิยม แต่จะพยายามทำให้ความเร็วทางตรงและทางโค้งไม่ต่างกันมาก ทำให้ผมได้ทดสอบสมรรถนะยาง
เกือบทุกวัน และเกือบทุกๆครั้งที่ใช้รถ ซึ่งตรงนี้ก็อยากจะบอกว่า กับ PS3 ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มนวล ความเงียบ
ตามที่ผมบอกไปแล้ว ที่ชอบมากๆคือ ผมสามารถทำความเร็วในโค้งได้สูงกว่าเดิม(แต่ไม่ได้สูงจนอันตราย) อาการของยาง ออกน้อยกว่าเดิม ที่ความเร็วเท่ากัน
และที่แจ่มแจ๋ว เหมาะกับช่วงนี้(หน้าฝน)ที่สุด คือผมไม่ต้องยกคันเร่ง หรือชะลอความเร็วลงเยอะ เมื่อฝนตก หรือเจอแอ่งน้ำ เพราะนับตั้งแต่ได้ทดสอบเอง
ที่สนามแก่งกระจานมาแล้ว ผมก็รู้ได้เลยว่ายางตัวนี้ เก่งมากในเรื่องของ wet track ดังนั้นในการใช้งานจริงๆ เมื่อฝนตกถนนลื่น หรือน้ำแข็ง หรืออะไรก็ตามแต่
ผมไม่จำเป็นต้องระวังมากเท่ากับสมัยที่ใช้ยางรุ่นก่อนหน้านี้ คือไม่ได้บอกว่าประมาทได้นะครับ เพียงแต่เราไม่ต้องพยายามเกร็ง หรือเพ่ง หรือระวังจนเกินเหตุมากกว่า
โดยรวม ผมพอใจกับยางชุดนี้ค่อนข้างมาก และกับตัวเลข treadwear ที่ค่อนข้างมาก (สามร้อยกว่า) ทำให้มั่นใจได้ว่า ยางชุดนี้น่าจะอยู่กับผมอีกนานพอควร
และกับราคาที่สมเหตุสมผลแบบที่ Michelin ตั้งเ้อาไว้ ผมก็กล้าจะแนะนำให้เพื่อนๆได้ลองใช้กับรถที่ใช้งานจริงๆครับ