ผู้เขียน หัวข้อ: วันทำการสุดท้ายของปีจับตาโอมิครอนลามเร็วทั่วประเทศ/ธปท.แถลงภาวะเศรษฐกิจ  (อ่าน 216 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hs8jai

  • *
  • กระทู้: 769
  • Popular Vote : 0
ประเด็นที่น่าสนใจวันนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ที่ขณะนี้แพร่กระจายไปแล้วถึง 33 จังหวัดทั่วประเทศ โดยคลัสเตอร์ใหญ่สุดอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ มี 2 สามี-ภริยา ที่กลับมาจากประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งถือว่าเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ไปแล้ว เพราะล่าสุดมีผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์นี้ 248 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ในประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ คาดว่าวันนี้ สธ. คงจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องการปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุข ในส่วนของผู้ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งการขอความร่วมมือให้สถานประกอบการ และบริษัทต่างๆ จัดให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from Home) เป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังเดินทางกลับจากต่างจังหวัด

ประเด็นด้านเศรษฐกิจวันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดย น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธปท. แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจการเงิน เดือน พ.ย.64 ซึ่งนอกจากจะสรุปภาวะเศรษฐกิจการเงินไทยในรอบเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว จะมีการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสำหรับเดือนธ.ค.นี้ด้วย ว่าการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเข้ามามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานสถิติข้อมูลดัชนี และตัวเลขสำคัญที่เกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยช่วงสิ้นปี 2564
ติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดาผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยวันนี้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปตย์ ร่วมกับ ผู้สมัคร ส.ก. นภาพล จีระกุล และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะลงพื้นที่เขตบางกอกน้อย พร้อมรับฟังปัญหาเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนพบปะประชาชนในย่านนี้ด้วย
วันนี้คนส่วนใหญ่ถือว่าเป็นการทำงานวันสุดท้ายของปี 2564 ทั้งในส่วนของภาครัฐ และบริษัทเอกชน ทำให้คาดหมายว่าตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ไปถนนหลายสายที่ออกจากกรุงเทพฯ จะเริ่มติดขัด รวมถึงความหนาแน่นที่จะพบมากขึ้นตามสถานีขนส่งต่างๆ เนื่องจากประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งงานนี้ทั้งกระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกันกำชับไปยังผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งพาหนะส่วนบุคคล และสาธารณะให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อลดการแพร่ระบาดโควิดในช่วงการเดินทาง