ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 21.42 จุด  (อ่าน 379 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hs8jai

  • *
  • กระทู้: 769
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 21.42 จุด
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2022, 02:03:58 am »
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 21.42 จุด, หุ้นเทคโนฯ พุ่งหนุน Nasdaq บวกกว่า 200 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (4 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้นมายืนปิดตลาดในแดนบวกได้โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแอมะซอน และนักลงทุนได้ปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนม.ค. ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,089.74 จุด ลดลง 21.42 จุด หรือ -0.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,500.53 จุด เพิ่มขึ้น 23.09 จุด หรือ +0.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,098.01 จุด เพิ่มขึ้น 219.19 จุด หรือ +1.58%

แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.1%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.6% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.4%

หุ้นแอมะซอน.คอม พุ่งขึ้น 13.5% หลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/2564 ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นราว 1.90 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นวันเดียวมากที่สุดของบริษัทสหรัฐ

หุ้นสแนป พุ่งขึ้น 58.8% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2564 และแนวโน้มผลประกอบการที่ดีเกินคาด

หุ้นพินเทอเรสต์ พุ่งขึ้น 11.2% หลังรายงานรายได้รายไตรมาสสูงเกินคาด

หุ้นกลุ่มต่าง ๆ ในดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2561 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี

หุ้นเฮสส์ คอร์ป พุ่งขึ้น 4% ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557 ขณะที่หุ้นอ็อกซิเดนทัล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2% ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563

หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย พุ่งขึ้น 3.7% โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการของแอมะซอน และการพุ่งขึ้นของหุ้นแอมะซอนได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ที่ดิ่งลง 9.7% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง

ความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อตลาดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่หุ้นกลุ่มการเงิน อาทิ แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, มอร์แกน สแตนลีย์ และเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวขึ้นราว 1.8-4% โดยได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2562 หลังจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่ง

นักลงทุนวิตกว่าตัวเลขจ้างงานดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%