'ซัคเคอร์เบิร์ก' รวยลดลง $2.9 หมื่นล้าน ส่วน 'เบซอส' จ่อรวยเพิ่ม $2 หมื่นล้าน
นิตยสารฟอร์บส์เปิดเผยว่า
ความมั่งคั่งของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ลดลง 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากราคาหุ้นเฟซบุ๊กดิ่งลงในวันเดียวรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ความมั่งคั่งของเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งบริษัทแอมะซอน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากราคาหุ้นแอมะซอนพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
ราคาหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กปิดตลาดร่วงลง 26.39% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนวานนี้ (3 ก.พ.) ส่งผลให้มูลค่าตลาดของเมตา แพลตฟอร์มส์ ลดลงกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวรุนแรงที่สุดในบรรดาบริษัทของสหรัฐ และส่งผลให้ความมั่งคั่งสุทธิของซัคเคอร์เบิร์กลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ซัคเคอร์เบิร์กถือหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์อยู่ราว 12.8%
ราคาหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนวานนี้ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 3.67 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 3.84 ดอลลาร์ ขณะที่ยอดผู้ใช้งานรายวันลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.93 ล้านราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.95 ล้านราย
ด้านเบซอสนั้น ข้อมูลจาก Refinitiv ระบุว่า เขาถือหุ้นอยู่ในบริษัทแอมะซอนจำนวนราว 9.9% ขณะที่ฟอร์บส์จัดให้เบซอสเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกประจำปี 2565 รองจากอีลอน มัสก์ และเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์
ราคาหุ้นแอมะซอนพุ่งขึ้น 14.24% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย หลังบริษัทเปิดเผยผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 อยู่ที่ 5.80 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.57 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 9% แตะที่ระดับอยู่ที่ระดับ 1.374 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ แอมะซอนประกาศขึ้นราคาสมาชิกแอมะซอน ไพร์ม วิดีโอ (Amazon Prime Video) เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยค่าสมาชิกรายปีเพิ่มขึ้นเป็น 139 ดอลลาร์ จากระดับ 119 ดอลลาร์ ส่วนค่าสมาชิกรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 14.99 ดอลลาร์ จาก 12.99 ดอลลาร์ โดยการปรับราคาสมาชิกจะมีผลกับสมาชิกรายใหม่ในวันที่ 18 ก.พ.นี้
ข้อมูลจากฟอร์บส์ระบุว่า ความมั่งคั่งสุทธิของเบซอสพุ่งขึ้น 57% สู่ระดับ 1.77 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2564 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่รายได้ของแอมะซอนขยายตัวอย่างมาก เนื่องจากประชาชนหันมาจับจ่ายซื้อสินค้าทางออนไลน์ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
