ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ วิตกสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย  (อ่าน 393 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ dsmol19

  • *
  • กระทู้: 1,214
  • Popular Vote : 0


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน โดยล่าสุดสหรัฐสั่งย้ายสถานทูตอเมริกันในกรุงเคียฟไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันตกของยูเครนแล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,183.56 จุด เพิ่มขึ้น 103.97 จุด หรือ +0.38%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,458.50 จุด ลดลง 98.07 จุด หรือ -0.40% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,428.04 จุด ลดลง 0.84 จุด หรือ -0.02%

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและอังกฤษเตือนว่า รัสเซียพร้อมที่จะบุกโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้สั่งย้ายสถานทูตอเมริกันในกรุงเคียฟไปยังเมืองลวิว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของยูเครน เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนยูเครนมีความตึงเครียดอย่างมาก

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับสำนักข่าว CNBC ว่า เฟดจำเป็นต้องถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายบูลลาร์ดได้สร้างความตื่นตระหนกในตลาดด้วยการกล่าวว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ภายในเดือนก.ค.

แซม สโตวอล นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ตลาดถูกกดดันการที่เจ้าหน้าที่เฟดสายเหยี่ยวอย่างนายบูลลาร์ดได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี อย่างไรก็ดี สโตวอลมองว่า สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอาจเป็นปัจจัยลบต่อตลาดแค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เปิดเผยเช้านี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่น ขยายตัว 5.4% ในไตรมาส 4/2564 เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 5.8%