ขนส่ง เต้นสั่งล้อมคอกคุมเข้มรถหรู-รถซิ่งลักไก่ จดประกอบ สวมรอยอ้าง ติดแก๊ส เลี่ยงภาษีหนีตรวจสภาพ ขอทะเบียนสบายใจเฉิบ
ภายหลังจาก เดลินิวส์ กระชากหน้ากาก ขบวนการแสบลักลอบนำรถหรูซูเปอร์คาร์รวมถึงรถซิ่ง ที่หลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตอย่างหัวใส ด้วยการนำเข้ารถประมูลมือสองเหล่านี้จากต่างประเทศ โดยสำแดงต่อศุลกากรว่านำเข้าอะไหล่รถยนต์ จากนั้น ขบวนการจะนำรถยนต์ดังกล่าวไปจดประกอบ และใช้วิธีการหลีกเลี่ยงการตรวจมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วยการติดตั้งแก๊ส เพื่อนำไปขอจดทะเบียนจากขนส่ง นำไปขายต่อในราคาต่ำกว่าท้องตลาด ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีรถยนต์จำนวนมหาศาล รวมทั้งประชาชนอาจต้องสูญเงินฟรี เพราะรถถูกยึด หรืออาจถูกภาษีย้อนหลังจนเสียเงินบานปลาย ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว วันนี้ (4 ก.ย.) นายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า เคยได้ยินเรื่องดังกล่าวจากข่าวเหมือนกัน ส่วนการหลีกเลี่ยงด้วยการนำรถหรู รถซิ่ง ซึ่งเป็นรถประมูลมือสองเหล่านี้ไปติดตั้งแก๊ส เชื่อว่าเป็นการหลบเลี่ยงการตรวจสภาพรถยนต์นำเข้าตามมาตรฐาน สมอ. ที่กำหนดเอาไว้ว่าหากเป็นรถยนต์มือสองที่ติดตั้งแก๊สเป็นเชื้อเพลิง จะได้รับการยกเว้นเนื่องจากเห็นว่าไม่ได้ก่อมลพิษ ทั้งนี้ การตรวจสภาพฯ มีค่าใช้จ่ายครั้งละประมาณ 37,000 บาท โดยมีหลักเกณฑ์กำหนดเอาไว้ว่า หากตรวจสภาพไม่ผ่านก็ต้องมีการตรวจสภาพใหม่ และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกครั้งละ 37,000 บาท
ส่วนที่ระบุว่า มีการนำรถยนต์หรู เช่น รถเฟอร์รารี่ รถปอร์เช่ มาดัดแปลงในการติดตั้งแก๊สนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสภาพฯ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากรถดังกล่าว เครื่องยนต์จะอยู่ข้างหลัง เพราะฉะนั้น จะติดตั้งถังแก๊สจะทำไม่ได้ และเชื่อว่าไม่มีใครทำกัน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของกรมฯ จะมีความเข้มงวดในการตรวจสอบสภาพรถ หากรถยนต์คันใดที่เปลี่ยนเป็นติดตั้งถังแก๊สแล้ว จะมีการระบุในเล่มจดทะเบียนไปตลอด ไม่สามารถแก้ไขได้ อย่างไรก็ดี เมื่อมีกระแสข่าวเกิดขึ้น ตนได้ส่งหนังสือกำชับเจ้าหน้าที่ทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบรถยนต์ที่เปลี่ยนใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปรถยนต์ รวมถึงตรวจสภาพการติดตั้งถังแก๊สจริง ๆ และต้องระบุในเล่มจดทะเบียนไปตลอด ซึ่งเรื่องดังกล่าว ตนจะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของกรมฯ คนใดละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบ จะถูกตรวจสอบ และถูกลงโทษทางวินัยทันที
ด้านแหล่งข่าวจากวงการรถซูเปอร์คาร์ กล่าวว่า การนำเข้ารถแบบจดประกอบ เริ่มมาบูมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากรถเหล่านี้จะราคาถูกกว่าท้องตลาดประมาณ 20% การที่แก๊งนำรถดังกล่าวเข้ามาจำหน่าย กระทบต่อรายได้ภาครัฐแน่นอน เพราะผู้ประกอบที่ทำธุรกิจโดยสุจริต นำรถหรู หรือซูเปอร์คาร์เข้ามา ต้องเสียภาษีเกือบ 300% ของราคา หากผู้ที่ทำธุรกิจถูกกฎหมายขายรถไม่ได้ ก็ต้องเลิกกิจการ รัฐก็สูญเสียรายได้ ความเสียหายเกิดเป็นลูกโซ่
การที่รถจดประกอบเหล่านี้ เป็นที่นิยม เชื่อว่าส่วนหนึ่งมีช่องทางที่นำเข้ามาสะดวก ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถนำเข้ามาได้ง่ายนัก คาดว่า คงมีการนำเข้ามาทำตลาดเป็นหลักร้อยคันแล้ว อีกทั้ง ยังราคาขายถูกกว่า แต่ในมุมของผู้ซื้อคงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะรถที่นำเข้ามามีประวัติ หรือไม่อย่างไร ถ้าลูกค้าซื้อรถญี่ปุ่นยังพอซ่อมได้ แต่ถ้าเป็นรถหรู หรือซูเปอร์คาร์ การซ่อมบำรุงรักษาทำได้ยาก เพราะต้องมีเทคโนโลยี และรหัสผ่านจากบริษัทแม่ โดยมีเฉพาะที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2549 เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปจร.ตร.) ได้มีหนังสือที่ 0054.32 (ศปจร.ตร.) รายงานข้อเท็จจริง กรณีตรวจยึดรถยนต์ปอร์เช่ ที่ตรวจสอบพบว่า มีการสำแดงรายการสินค้านำเข้า หรือใบอินวอยซ์ ว่า เป็นอะไหล่รถยนต์ จากนั้น ใช้วิธีการจดประกอบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และการตรวจมาตรฐาน สมอ. ไปยัง ศปจร.ตร. โดยชุดจับกุมได้ส่งรถของกลางไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน และไม่พบการตัดต่อรถยนต์ หรือการพ่นชั้นสีใหม่ นอกจากนี้ ยังพบว่า เครื่องยนต์ที่ใช้ไม่เคยถูกถอดประกอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดรถเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือดังกล่าว ยังระบุขั้นตอนของขบวนการที่ใช้ช่องโหว่กฎหมายหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์เหล่านี้ พบว่า ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้ารถยนต์ขนาดใหญ่ หรือเต็นท์รถ โดยระบุไว้ชัดเจนว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วม หรือสนับสนุนการกระทำผิดของคนร้าย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวกับการดำเนินการทางทะเบียนรถ ตรวจสภาพรถ และตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์.
ที่มา
http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=89693