มาชมต่อกันเลยครับ ที่อยากเล่าคือเรื่องของรถ Formula Renault ตามภาพปลากรอบหน้าแรกนะครับ
พวกเราทุกคน จะได้วิ่งคนละสี่รอบสนามครับ ตามเซฟตี้คาร์ที่ผมอธิบายไว้แล้ว โชคดีที่รถนำผมก็ไม่ใช่อื่นไกล
แมวเหมียว WRX ของทาง Michelinเอง ออกไปรอบแรกแน่นอนครับว่าต้องเป็นการปรับสภาพให้เข้ากับรถ(และสนาม)ก่อน
ผมเอง เมื่อลงไปนั่งในรถล้อเปิดแบบนี้ บอกตรงๆว่าอึดอัดครับ มันคับแคบ ขาทั้งขาเบียดกันอยู่ในช่องเล็กๆ พอจะยื่นเท้าออกไป
เพื่อกดคลัทช์ เบรค และคันเร่งจริงๆ ซึ่งทีแรก ผมเองก็เกร็งว่าจะพลาดหรือเปล่า(พลาดตอนเหยียบเบรคกับคันเร่ง) ส่วนคลัทช์
ไม่ค่อยน่าห่วงครับ เพราะใช้เฉพาะตอนออกตัว และก่อนจอดสนิทเท่านั้น ครึ่งรอบแรก ผมวิ่งช้าๆตามเซฟตี้คาร์ จับอาการรถ
บอกกันตามตรง ผมเองเคยลองยางมิชลินที่เป็นสลิคแข่งมาแล้ว ทั้งสมัยจิมคาน่า และล่าสุด Endurance ที่บางแสน
แต่กับการที่มาขับรถเบาๆแบบนี้ (480กก.) แล้วใส่ยางเกาะๆเข้าไป บอกได้เลยว่า กดเบรคทีแรก วูบครับ ไม่ใช่วูบเพราะเบรคไม่อยู่
แต่วูบด้วยพลังเบรค+ยาง ทำให้ความเร็วที่สะสมมาหล่นวูบ ทีนี้ผมพอจะเข้าใจละ ว่าพวกล้อเิปิดทำไมมันเบรคกันลึกกกจัง
วอร์มอัพรอบแรก เริ่มคุ้นกับทั้งรถและสนาม ผมก็เริ่มเติมความเร็วเข้าไป มือขวากระชากเกียร์ซีเควนเชี่ยลไปเรื่อยจนสุดเกียร์6
ก็เป็นจังหวะพอดีกับจุดเบรคที่ทาง Michelin ตั้งไพล่อนไว้ให้ บอกตรงๆครับ มันเบรคได้ลึกกว่านั้นอีกเยอะ แต่ที่ต้องเบรค
เพราะจะไปจิ้มตูดงามๆของแมวเหมียว เซฟตี้คาร์เข้าให้ เริ่มเทิร์นพวงมาลัยเข้าไปด้วยสปีดกำลังดี อ๊ะ เริ่มหนุก รอบสอง
รอบสาม ค่อยๆเติมเข้าไปจนรู้สึุกว่าทำไมเซฟตี้คาร์เค้าช้าจังหว่า(มารู้ทีหลังว่านั่นไปเต็มจนจะปลิ้นอยู่แล้ว)
ตรงนี้ลองนึกถึงF1 เ้วลาวิ่งตามเซฟตี้คาร์ครับ อารมณ์ประมาณนั้น คือเราไปเรื่อยๆ แต่พี่เค้ากดเต็มแล้ว แนวๆนั้น
ครบสี่รอบ ตามเซฟตี้คาร์เข้าพิทก็เป็นอันเรียบร้อยกับกิจกรรมในแทรคอันแรกครับ