ตอนที่ 3
หาเวลามารายงานตัวต่อได้แล้วครับ ... พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ จะปิดยอดขาย Q2 เลยต้องเร่งสปีดกับทีมจนแทบจะไม่เหลือเวลาทำอย่างอื่น แต่ก็ยังดีที่ได้ขับเจ้า ฮาโตริ ทั้งรอบเช้าและเย็น ยิ่งขับก็ยิ่งมันส์ครับ วันไหนไม่ได้ขับนี่ออกอาการฝืดๆ สมองไม่แล่นเลย เหมือนกับอะดรีนาลีนมันไม่ได้ถูกสูบฉีดออกมา (ไม่รู้ว่าเว่อร์ไปรึเปล่าเนี่ย ....)
จากที่เล่าให้ฟังครั้งก่อนว่า จนกระทั่งปี 05 นั่นแหละครับ ความฝันที่จะได้ อิม สักคัน ก็เริ่มมีเค้าลางขึ้นมาบ้าง เนื่องจากในช่วงนั้นเปลี่ยนงานแต่ก็อาชีพเดิมนั่นแหละครับ ไม่มีรถบริษัทฯ และได้ค่าเสื่อมรถต่อเดือน แผนการอันบรรเจิดในสมองก็เริ่มถูกขับเคลื่อนออกมาทันที โดยหากพอจะหาเวลาว่างตอนเย็นวันธรรมดา หรือ เสาร์-อาทิตย์ ช่วงไหนที่พอจะหาได้ทั้งที่แฟนรู้และไม่รู้ เราก็เริ่มออกตระเวณสอดส่ายหา GC8 ทันที จริงๆ ก็สนใจเหยี่ยวหละครับ แต่ด้วยค่าตัวของเค้าในสมัยนั้นที่ยังสูงอยู่ และด้วยค่าตอบแทนในอาชีพที่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แต่ไหนจะต้องวางแผนซื้อบ้าน แต่งงาน มีครอบครัวอีก ดังนั้น GC8 เวอร์ชั่น 6 จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดูเป็นไปได้มากที่สุด
และแล้ววันนั้นก็มาถึง ผมยังจำได้ดีว่าเป็นวันเสาร์ในหน้าหนาวปลายปี 04 ซึ่งผมได้พบกับเจ้า GC8 แต่งเป็น เวอร์ชั่น 6 ที่สมบูรณ์แบบที่สุดคันนึงเท่าที่ผมเคยพบมาในชีวิต (แม้จนกระทั่งวันนี้ก็ตาม) สมบูรณ์ตั้งแต่ตัวถัง, เครื่องยนต์, ภายใน, ชุดแต่ง, ระบบช่วงล่าง, ยันไปจนถึงเครื่องเสียงกันเลยทีเดียว ก็ลองจินตนาการดูแล้วกันครับว่า ถ้าช่วงเวลาประมาณปลายปี 04 หากคนบ้า อิม อย่างเราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ได้เจอ GC8 เวอร์ชั่น 6 สีเทา ตัวถังแท้, ชุดแต่งแท้ ไม่มีตำหนิ, ใส่เครื่องคอแดง 280 แรงม้า ใหม่เอี่ยม ยกมาจากเหยี่ยว, ภายในเป็นคอนโซลเหยี่ยว STI ทั้งหมดพร้อมด้วยพวงมาลัย STI, เบาะ+หัวเกียร์+แป้นเหยียบ หรือแม้กระทั่งพรมสีน้ำเงิน ยกมาจากเหยี่ยว STI ทั้งหมด, ช่วงล่างอย่างดี, จูนกล่อง, เบรค Brembo สีทองแท้จากเหยี่ยว STI หน้า 4 หลัง 2, เฮด+ท่อ HKS, ตบด้วยเครื่องเสียงอีกแสนกว่า จะมีอาการยังไงล่ะครับ ไอ้ผมงี้ยืนน้ำลายไหลเป็นหมาบ้า (หน้าร้อน) เลยครับในตอนนั้น ....
ถัดจากนั้นก็เริ่มเลยครับ ขั้นตอนของการซื้อรถไม่ว่าจะเป็นตรวจสอบประวัติ พูดคุยรายละเอียดทั้งหมด จนได้นัดหมายไปลองขับ ก็ประมาณสักต้น ม.ค. 05 เห็นจะได้ โดยคันนี้เจ้าของเก่าเป็นเด็กมหาลัย แต่ชอบซูบารุมากเข้าขั้นลุ่มหลง (ซึ่งดูแนวทางการแต่งก็รู้แล้ว) จนไม่เป็นอันเรียน พอเกรดไม่ดีเลยโดนคุณพ่อคาดโทษว่าจะเอามาขายทิ้งเต๊นท์ แล้วแกก็ทำจริงๆ ส้ม มันก็เลยหล่นมาทางนี้ ไอ้ผมก็เลยกะจะช้อนรับอย่างดี (เพราะเป็นรถฝากขาย) โดยในวันนั้นก็พา (ว่าที่) ภรรยาในอนาคต (อันใกล้) ไปด้วย พร้อม กูรู ด้านรถที่เป็นเพื่อนซี้กัน ซึ่งในตอนนั้นเพื่อนผมคนนี้เค้าใช้ R33 600 กว่าม้า ไอ้เราก็เลยชวนไปด้วยกัน (กันเหนียว เผื่อตัวเองดูพลาด หรือ ว่าเผื่อว่าที่ภรรยามีข้อสงสัยว่า ไอ้คันนี้จะใช้ในชีวิตประจำวันได้หรือไม่) ส่วนค่าตัวของเจ้า GC8 คันนี้ ก็ไม่ธรรมดาเลยครับ ประมาณ 1.1 ล้าน (เทียบกับรุ่นเดียวกันสภาพแจ๋วๆ ในสมัยนั้นเต็มที่ไม่เกิน 6-7 แสน) ไอ้เหตุที่ราคามันโดดขนาดนี้ก็ด้วยความสมบูรณ์ของรถดังที่ผมได้กล่าวมา แถมยังเคยลงปกหนังสือ Automobile มาแล้วด้วย ซึ่งยุคนั้นหากรถคันไหนได้ลงหนังสือเล่มนี้ หรือกับ XO ละก็ ไม่ต้องบรรยายเลยครับว่า สุด แค่ไหน
พอมาถึงช่วงสำคัญ ก็คือการทดสอบขับ เค้าลางของ บรรยากาศมาคุ ก็เริ่มจะก่อตัว นั่นคือ ว่าที่ภรรเมีย ไม่ยอมขึ้นรถ ด้วยเหตุว่าไม่ชอบ หรืออาจจะกลัว (อันนี้ผมคิดเข้าข้างตัวเอง) .... เอาละซิกรู ... ทำไงดีวะ ..... คิดในใจว่า ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวลองขับดูก่อนแล้วค่อยชวนใหม่ พอดีที่นั่นลานจอดรถเค้าใหญ่มาก ไอ้ผมก็เลยขับวนให้เห็นในลานจอด ตีโค้งงามๆ ให้ดู เผื่อบางทีเธออาจจะเปลี่ยนใจ เสร็จแล้วจึงกลับมาชวนใหม่ แต่เธอก็ยังไม่ยอมขึ้นรถอยู่ดี ก็เลย ... เอาละวะ ... ขอทดสอบอีกรอบ คราวนี้เอาแบบที่ชอบเลย จับกูรูเพื่อนซี้ ขึ้นไปนั่ง ขอลากสัก 3 เกียร์ (แบบเต็มที่) แล้วลองเบรค กับช่วงล่างดู ไม่ขอมากกว่านั้น เพราะหากเราไม่ได้ซื้อ ก็รู้สึกเกรงใจเต๊นท์เค้า เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาลองเอามันส์
หากพูดถึงความรู้สึกในการได้ขับ อิม ครั้งแรกในตอนนั้น ผมยังจำได้แม่นยำมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผมเดาว่าคนที่ไม่เคยขับรถเทอร์โบส่วนใหญ่ คงจะมีความรู้สึกคล้ายกับผม ก็คือ รถอะไรวะ ดึงน่ากลัวชิบบ ... ยิ่งจังหวะตอนบูสมายิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ แต่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ, เครื่องนอนยัน, จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ประกอบกับช่วงล่างโคตะระดี ก็เลยไม่มีอาการเหินอยากจะบินขึ้นฟ้าเหมือนรถแต่งบางคันที่เคยนั่งเลย อีตอนนั้นก็คิดในใจแล้วว่า คันนี้ละวะ อิมคันที่ใช่ เราจะต้องเป็นเจ้าของให้ได้เลยเชียว
คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนที่ยากที่สุดแล้ว ก็คือโน้มน้าว (ว่าที่) ภรรยา และจับเจ้า อิม คันนี้ มาแม็ชท์เข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันให้ได้ ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังละครับว่า ปัญหาหลักๆ มันก็มีอยู่ประมาณ 3 ข้อที่ต้องผ่านไปให้ได้ สำหรับคันนี้ ข้อ 1 (ความรู้เรื่องรถ+ความสามารถในการจ่าย ) พอจะผ่าน, ข้อ 3 (ความเป็นไปได้ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน) ผ่าน (แบบฝืนนิดหน่อย) เหลือข้อเดียวครับ คือข้อ 2 (ครอบครัว) หลังจากได้ลองคุยกับเธอดู ก็ได้ข้อสรุปดังนี้ว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ ราคาสูงเกินไป และ ยังไม่มีบ้านเป็นของตนเอง อีกทั้งเราวางแผนจะแต่งงานกันในปีนั้น ดังนั้น จึงควรจะสำรองทุนทรัพย์ไว้ก่อนเพื่อ อนาคตของเรา แต่หากอยากได้มาก ก็ซื้อได้และไม่ห้าม แต่แผนต่างๆ ที่ว่านั้น ก็ต้องยกเลิกไปก่อน เพราะไม่พร้อม (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโดนยกเลิกไปเลยหรือเปล่า)
ก็ งานเข้า ละครับทีนี้ ทุกท่านก็คงพอจะเดาได้นะครับว่าผมควรจะตัดสินใจยังไง ความรู้สึกมันก็เลยเหมือน สวรรค์ล่ม ฟ้าถล่ม อย่างที่ผมบอกไปตอนเริ่ม ก็เพราะมันเป็น อิมคันที่ใช่ คันแรกในรอบ 7 ปี แล้วมันจ่ออยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เอามาไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของใครละครับ มันต้องโทษตัวเองที่เกิดมามีความพร้อมอยู่แค่นี้ ทุกอย่างต้องหาเองหมด ณ วันนั้น ผมเลยนึกอยู่ในใจว่า ในชาตินี้หากยังไม่หมดกำลังเสียก่อน สักวันหนึ่งผมจะต้องหา อิมคันที่ใช่ มาครองให้ได้ ..... (โปรดติดตามตอนต่อไป ...)