วัน ผ่าน เป็น เดือน และครบ ปี ...
ตอนนี้ ผมเป็นปีสองแย้วววว ก่อนจะขึ้น สบายแล้วกู ...
แต่หารู้ไม่ ระยำกว่าเดิมอีก ... เราต้องตามไล่ดูน้อง ดูทุกอย่าง ...ที่มันทำ
อ่อความรับผิดชอบมันมากขึ้น ได้ผ่าตัดเองบ้่งเคส ง่ายๆ ไส้ติ่งอักเสบ ตัดขา เจาะคอ ..
จริงๆ ได้ทำมาต้องแต่ ปีหนึ่งปลายๆแล้ว อาจารย์ที่เรา ช่วย พี่ที่เราช่วย เห็นว่า เออ เริ่มปล่อยได้ เขาก้อให้เราทำ..
เวรหารสองกะพี่บี สาวหนุ่ม และตามดู รีเช็คน้องที่มาเริ่มเรียนใหม่ และ สอนเขาว่าต้องทำอย่างไร ให้ รอดตัว
วันผ่าตัด ข้าวก็ได้กินบ้าง ไม่ได้กินบ้าง .. กินก้อรีบๆๆ เคี้ยวไม่ต้องมาก กลืนๆไป ให้อิ่มพอ วันไหนว่าง ก็อกินกันให้หายอยาก..
เรื่องราว ต่างๆ ก้อสนุกสนาน ผมเล่าไม่หมด
จน ผมเป็นปีสี่ เป็นชี๊พ แล้ว ......หน้าที่ที่เพิ่มคือ จัดระบบในสายให้มัน ดำเนินไปได้ น้องคนนั้นไปนั้น คนนี้ไปนี้ คนนี้ทำนู้น
ตัวเองนอน เอ้ย ไปผ่าตัด อ่านหนังสือมากขึ้นเตรียมสอบ........
การสอบของหมอผ่าตัด มีทั้งเขียน และพูด ครับ อัตราการผ่าน น้อยที่สุด ในบรรดา หมอผู้เชี่ยวชาญ ....
เพราะคนที่จะออกไปต้อง พร้อม ทุกอย่าง โง่ เพี้ยน ไม่รอด ม้าศึกคึกมาก ไม่รอด คนปกติเท่านั้น
เวลาสอบปากเปล่า จะมีอาจารย์สามสี่ท่าน รุม ถาม ด่าบ้าง หัวเราะ เสียดแหนม ต่างๆ วนไปหลายๆฐาน
แต่ที่ต้องการ คือ ต้องเอาความรู้ ว่ามีจริง และ ทนความกดดัน รอบข้างได้ รวมถึงแก้ไขสถานะการณ์เฉาพะหน้า
เมื่อจบออกไปแล้ว คุณคือ leader คนเเดียว ในห้องผ่าตัด หรือโรงพยาบาล ถ้าคุณล้ม คนไข้ตาย
ต้องรู้จักพลิกแพลงใช้ของที่มี ในโรงพยาบาลห่างไกลที่ขาดแคลน
การเป็นหมอผ่าตัดไม่ได้แค่ผ่าเป็นผ่าได้ ....แต่ต้องรู้ว่า อันนี้ ต้องผ่า ไม่ควร หรือไม่ต้องเลย ม้าศึกทั้งหลาย ที่จะ ผ่าๆๆๆ ก้อต้องโดนดองไว้
สี่ปี ที่ผ่านไป ได้ความรู้ ได้ข้อคิด และความอึด มาโดยไม่รู้ตัว นอนละ สองสามชม. หรืไม่ได้นอน
ยืนผ่าตัด แสนยาวนาน แปดชม. โดยไม่ได้กิน ไม่เยี่ยว ช่วยอาจารย์ ผ่าตัด สิบสองชม. โดย อาจารย์ใจดี ให้ไปกินช้าว แป๊บหนึ่ง
ในขณะที่อาจารย์ผมทำต่อ ไม่กิน ... ยืนผ่า หัวชนกัน ทั้งคืน
และมันก้อผ่านไป พี่บี สาวหล่อ กลับบ้าน ทางเหนือ
ผม ไปอยู่บ้านนอก มาสามปี แล้วก้อ มาอยู่ กทม.
เบื่อมั๊ย มันก้อเบื่อ บ้างบางเวลา เหนื่อยมั๊ย เหนื่อยบ้างบางครั้ง ...
แต่ชีวิตมันต้องเดินครับ