"มีใครเคยสังเกตุ หรือรู้สึกเหมือนกันบ้างไหมครับ
จะว่ารถเบาขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น ก็เป็นไปได้แต่ตัวเลขไม่น่าห่างไกลกันได้ขนาดเกือบร้อยโลจิงป่ะ"
ฟันธงไม่เกี่ยวกับรถเบาแน่นอนครับ
แก๊สโซฮอล 95 คือน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอร์ฮอล อยู่ 10%
ส่วนทีหายไปก็คือ เอทิลแอลกอร์ฮอล ที่ระเหยไประหว่างที่เราจอดรถไม่ว่าจะเป็นกลางวันหนือกลางคืนแต่ถ้าจอดตากแดดร้อนจัดๆ จะเห็นผลมากกว่านะเพราะ เอทิลแอลกอร์ฮอลจะระเหยได้คล้ายๆ กัย แอลกอฮอลที่เราใช้ทำความสะอาดแผลนั้นแหละคือคุณเติม เต็มถัง 55 ลิตรใช้กี่กันหมดล่ะถ้ายิ่งนานก็จะเห็นส่วนต่างเยอะเลย นั้นคือเหตุผลที่คุณเติมแค่ 500 วิ่งได้เยอะกว่ าเพราะเติม 500 บาท 1-2 วันก็หมดแล้วสรุปแล้วถ้าจะเติมแก๊สโซฮอลก้ไม่ควรที่จะเติมไว้เต็มถังเติมแค่พอวิ่งเพราะมันจะระเหยเสียไปเปล่าๆ ครับ
**แถมอีกนิด "เพื่อนผมเคยได้มีโอกาสคุยกับ ผจก. ปั๊มบางจากแห่งหนึ่ง เขายังพูดว่าถ้าเป็นไปหได้ไม่ค่อยอยากจะขายพวกแก๊ศโซฮอลเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยมีใครเติม อยู่ในแท๊งนานๆ มันระเหยออกไปเยอะครับ"**
**"แก๊สโซฮอล์ กับประโยชน์ที่จะได้รับ นอกจากราคาแก๊สโซฮอล์จะถูกกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดา ซึ่งช่วยประหยัดการใช้น้ำมันและเงินตราต่างประเทศในการซื้อน้ำมันไปได้มากแล้ว แก๊สโซฮอล์ยังช่วยลดปริมาณมลพิษจากท่อไอเสียและมลพิษในอากาศ เพราะสามารถลดปริมาณไฮโดรคาร์บอนมอนนอกไซด์ลงได้ถึง 30% ทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
แก๊สโซฮอล์สามารถเติมได้กับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นตามที่ผู้ผลิตแนะนำโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งเครื่องยนต์ และสามารถเติมผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ในถังได้เลยไม่ต้องรอให้น้ำมันหมดถังก่อน และหากไม่มีจุดเติมแก๊สโซฮอล์ก็สามารถเปลี่ยนไปเติมน้ำมันเบนซินทั่วไปได้ทันทีเช่นกัน เพราะแม้ว่าสารเติมแต่งค่าออกเทนที่กำหนดให้มีในการเติมน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ออกเทน 95 โดยทั่วไปนั้น จะเติม MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) แต่สำหรับแก๊สโซฮอล์ที่จะใช้ Ethyl Alcohol 99.5% ทดแทนในปริมาณ 10% แต่คุณสมบัติในการใช้งานกับเครื่องยนต์ยังคงเหมือนกันทุกประการ
นอกจากนี้ การผลิตแก๊สโซฮอล์ยังถือเป็นการใช้ประโยชน์จากพืชผลทางการเกษตรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะไม่ว่าจะเป็นอ้อย มันสำปะหลัง ข้าว ข้าวโพด สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตแอลกอฮอล์ได้ทั้งหมด ช่วยลดงบประมาณในการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรลงได้ถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท
ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเติมแก๊สโซฮอล์ 95
เนื่องจากแก๊สโซฮอล์ 95 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการผสมระหว่าง เอทานอล หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ผสมกับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ในอัตราส่วนเบนซิน 9 ส่วน เอทานอล 1 ส่วน
1.คุณสมบัติของแอลกอฮอล์ คือระเหยเร็ว ทำให้เกิดหยดน้ำในถัง อาจทำให้ถังน้ำมันเกิดสนิมและผุเร็วกว่าที่ควรจะเป็น อาจทำให้เกิดการอุดตันในระบบน้ำมันเชื้อเพลิง
2.ควรเติมแก๊สโซฮอล์ 95 สลับกับเบนซิน 95 เนื่องจากในแก๊สโซฮอล์ไม่มีสารหล่อลื่นบ่าวาวล์เหมือนในเบนซิน 95 จึงทำให้เกิดการสึกหรอที่บ่าวาวล์มากขึ้น
3.จากการใช้งานจริงอัตราการเร่งลดลงในช่วง 0 ? 100 กม./ชม. ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเบนซิน 95 จึงเป็นเหตุให้ต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เกิดการสึกหรอเร็วขึ้น
4.การเติมเอทานอล ลงในเบนซิน 95 มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทยางที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์มากกว่า
5.การเติมเอทานอล ลงในเบนซิน 95 มีผลต่อคุณสมบัติบางประการของวัสดุประเภทพลาสติก ที่ใช้เป็นระบบเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์
6.อัตราการกินน้ำมันของรถ เปรียบเทียบระหว่าง แก๊สโซฮอล์ 95 กับ เบ็นซิน 95 จากการใช้จริง
ก่อนหน้านี้ เติมเบ็นซิน 91 จำนวน 40 ลิตร วิ่งได้ระยะทาง = 400 กม.
เบ็นซิน91 จำนวน 40 ลิตร ราคาลิตรละ 35.14 บ. เป็นงิน = 1405.60 บาท
ปัจจุบัน เติมแก๊สโซฮอล์95 จำนวน 40 ลิตร วิ่งได้ = 360 กม.
แก๊สโซฮอล์95 จำนวน 40 ลิตร ราคาลิตรละ 31.54 บ. เป็นเงิน = 1261.60 บาท
ดังนั้นการเติมแก๊สโซฮอล์95 ประหยัดเงิน (เท่ากับ 1405.60 - 1261.60) = 144 บาท
แต่... ระยะทางจะหายไป (เท่ากับ 400 ? 360) = 40 กม.
(ต้องเติม แก๊สโซฮอล์95 เพิ่มอีก 4.44 ลิตร จึงจะวิ่งได้ 400 กม. = เติมเบ็นซิน91 จำนวน 40 ลิตร)
สรุป ต้องเติมแก๊สโซฮอล์95 จำนวน 44.44 ลิตร เป็นเงิน = 44.44x31.84 = 1401.63 บาท
ผลต่างคือ : ระยะทาง 400 กม. เติมแก๊สโซฮอล์95 = 1401.63 บาท
ระยะทาง 400 กม. เติมเบ็นซิน91 = 1405.6. บาท
กลายเป็นว่าต้องเสียเงินเพิ่ม 140.03 บาท จากการเติมแก๊สโซฮอล์95 เพื่อที่จะให้วิ่งได้ 400 กม. (เท่ากับเติมเบ็นซิน 91) "
อันนี้ผมได้ลองทดสอบระหว่างน้ำมันเบนซิน 91 กับ แก๊สโซฮอล 91 กับ 95 (ไนโตรพลัส-วีเพาเวอร์) มาแล้วด้วยการวิ่ง ไป-กลับ กทม. - เชียงใหม่ รถที่ใช้ทดสอบ โตโยต้านิววีออส เครื่อง 1500 cc. 1NZ-FE เดิมๆ วิ่งด้วยน้ำมันเบนซิน 91 ไป-กลับ กทม. - เชียงใหม่ ได้เฉลี่ย 21-22 กม/ลิตร ด้วยความเร็วคงที่แต่ไม่เกิน 100 กม./ชม. รอบที่ 2 รถที่ใช้ทดสอบ โตโยต้า ยาริส เครื่อง 1500 cc. 1NZ-FE เดิมๆ วิ่งด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 กับ 95 (ไนโตรพลัส-วีเพาเวอร์) ไป-กลับ กทม. - เชียงใหม่ ได้เฉลี่ย 17-18 กม/ลิตร ด้วยความเร็ววคงที่แต่ไม่เกิน 100 กม./ชม. **ทั้งสองรอบคนขับคนเดียวกันคือผมเองครับ** เป็นอันแน่ชัดแล้วว่าน้ำมันเบนซินสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล นอนแน่ๆ 555**
จากกระทู้
http://www.siamsubaru.com/subaruboard/index.php?topic=96126.0