ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 200 จุด หลังรัสเซีย-ยูเครนเจรจาไม่คืบ  (อ่าน 208 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jenny937

  • *
  • กระทู้: 644
  • Popular Vote : 0
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 200 จุด หลังรัสเซีย-ยูเครนเจรจาไม่คืบ

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ หลังจากที่การเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงไม่ได้ข้อสรุป

ณ เวลา 18.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 231 จุด หรือ 0.68% สู่ระดับ 33,609 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 0.5% เมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังการเจรจาหยุดยิงระหว่างคณะผู้แทนของทั้งสองฝ่ายจบลงโดยไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้น 6.43% สู่ระดับ 32.09

หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ สอดคล้องกับการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก

การเจรจาโดยตรงระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครนเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศได้สิ้นสุดลงเมื่อวานนี้ โดยไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด และทั้งสองฝ่ายจะทำการเจรจารอบต่อไปที่ชายแดนเบลารุสและโปแลนด์ในอีกไม่กี่วัน

ตำรวจสหรัฐคุมเข้มความปลอดภัยในกรุงวอชิงตัน ดีซี ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะทำการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันนี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการล้อมรั้วรอบอาคารรัฐสภาสหรัฐเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอยในวันที่ 6 ม.ค.2564 ซึ่งฝูงชนที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ราว 2,500 คนได้บุกเข้าไปยังรัฐสภาเพื่อขัดขวางการนับคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งที่คาดว่าจะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน

นอกจากนี้ นายลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ ได้อนุมัติการส่งกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติจำนวน 700 นายเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยกับตำรวจประจำรัฐสภาสหรัฐเพื่อรับมือกับ People's Convoy ซึ่งเป็นกลุ่มคนขับรถบรรทุกที่ประท้วงรัฐบาลในการออกมาตรการบังคับการฉีดวัคซีนและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยขบวนรถบรรทุกดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าตรงมายังกรุงวอชิงตัน ดีซี

ปธน.ไบเดนเตรียมแถลงนโยบายประจำปีเป็นครั้งแรกต่อสภาคองเกรส ตามคำเชิญของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ท่ามกลางวิกฤตความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและชาติตะวันตกกับรัสเซียในกรณียูเครน

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ (1 มี.ค.) เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันพรุ่งนี้ (2 มี.ค.) เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

ขณะเดียวกัน นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค. โดยอาจเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 2 มี.ค. และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 3 มี.ค. โดยการแถลงทั้งสองวันจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย

การแถลงนโยบายการเงินดังกล่าวจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้ ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี และเป็นการส่งสัญญาณว่าวิกฤตการณ์ในยูเครนจะส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดหรือไม่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดบางรายระบุว่า เฟดจะนำผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งในยูเครนเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณานโยบายการเงินของเฟด

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 415,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%

กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 647,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 249,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนธ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 510,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่ง