ผู้เขียน หัวข้อ: ไอเบนซิน กับการกินน้ำมัน  (อ่าน 6923 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ monster@tack

  • *
  • กระทู้: 481
  • Popular Vote : 13
  • Synapse enigeering
    • Ohmmotorsport product
    • อีเมล์
ไอเบนซิน กับการกินน้ำมัน
« เมื่อ: กันยายน 10, 2010, 07:03:38 am »
พอดีไปเจอข้อมูลดีๆอยากให้เพื่อนๆได้มาอ่านกันนะครับ บางท่านอาจวางเครื่องมาแล้วไมใส่กระป๋องตัวนี้หรือปล่อยทิ้งก็ลองเซ็คดูเผื่อจะประหยัดกันมาขึ้น

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.saab-scot.com กระทู้โดยคุณsaabbass ด้วยคับ

นายประโยชน์ : รถกินน้ำมัน

ท่านผู้อ่านท่านหนึ่งถามเข้าไปที่ www.autothailand.net ว่า รถกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากผิดปกติ เป็นรถเก๋งที่เปลี่ยนเครื่องข้ามสายพันธุ์ หลังจากเปลี่ยนเครื่องทุกอย่างดีหมด เครื่องเดินดีทั้งเดินเบา ปานกลางและอัตราเร่ง



อาการที่เล่าให้ผมฟัง ผมก็สรุปว่าอาการอย่างนั้นผิดปกติแน่นอนกับการบริโภคน้ำมัน 5-6 กิโลเมตรต่อลิตร กับเครื่องยนต์หัวฉีดขับหน้าขนาดหนึ่งพันหกร้อยซีซี

ก็แนะนำไปหลายอย่างเป็นเรื่องทั่วๆ ไป เช่น วัดลมยาง การหาจุดรั่วซึม ตรวจเช็คสภาพของเครื่องยนต์ตลอดจนปรับปรุงนิสัยการขับใหม่

ท่าน ผู้นั้นก็ปฏิบัติทำทุกอย่างก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแล้วก็หายเงียบไป ส่วนผมนั้นก็ยังไม่ได้ทิ้งปมปัญหาพอว่างเมื่อไรก็เก็บเอามาคิดตั้งโจทย์ตอบ คำถามแต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ จนหลังปีใหม่ ราคาน้ำมันขยับขึ้นเรื่อยๆ ทำความเดือดร้อนให้กับผมด้วย ก็เปิดตำรับตำราเพื่อที่จะค้นหาสาเหตุ ว่ากันมาตั้งแต่ ฝาถังน้ำมัน ถังน้ำมัน เส้นทางเดินน้ำมันเชื้อเพลิงจากถังไปจนเข้าห้องเผาไหม้ หลายวันยังไม่พบอะไร

จนวันหนึ่งรถผมออกอาการที่จริงออกอาการมานานแล้วเพราะผมจะเติม น้ำมันแค่สามร้อยบาท ก่อนๆ นี้เติมสามร้อยบาทก็พอได้อยู่รอดไปสามสี่วัน แต่มาสองสามวันนี้ เติมสามร้อยบาทเข็มไม่กระดิกเลยและทุกครั้งที่เข้าปั๊มเติมน้ำมัน เมื่อเด็กปั๊มเปิดฝาถังออกจะมีแรงดันในถังมากผิดปกติ

ใจก็คิดว่า เติมน้ำมันน้อยแก๊สก็คงจะมากขึ้น และรูหายใจที่ฝาถังคงจะสกปรก ก็ปล่อยทิ้งไว้ขับใช้งานตามปกติ จนเมื่อไม่กี่วันมานี้ มีผู้ใช้รถคันหนึ่งเข้ามาหาผมแล้ว บ่นเรื่องลมในถังน้ำมัน พร้อมกับอาการของเครื่องเมื่อรถติดไฟแดงความเร็วรอบไม่คงที่ บางครั้งขึ้นสูงบางครั้งต่ำจน แทบจะดับ แต่เมื่อออกวิ่งแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร

รถคันนั้นอายุอานามก็เกือบๆ สิบปีแล้วได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีมาตลอด ก็คลำหากันไปจนหมดวันละครับกว่าจะเจอเมื่อเสร็จคันหนึ่งก็มีเข้ามาอีกสองสาม คัน หลังๆ นี่พอรู้จุดก็แก้ไขกันไม่นานสั่งอะไหล่เปลี่ยนค่าแรงนิดหน่อยก็หาย

เมื่อ ว่างก็คิดถึงรถข้ามพันธุ์คันนั้นพร้อมๆ กับไล่ระบบเชื้อเพลิงทำความเข้าใจกับชิ้นส่วนและการทำงานของแต่ละจุดก็พอจะ หาคำตอบให้รถคันที่กินน้ำมันจุ ได้คำตอบที่น่าจะเป็นไปได้ก็คืออย่างนี้ครับ

ในรถที่ใช้ น้ำมันเบนซิน เป็นเชื้อเพลิงนั้นก็ทราบกันดีว่า น้ำมันชนิดนี้ระเหยได้เร็วโดยเฉพาะกับอากาศร้อนแบบบ้านเรา เมื่อน้ำมันอยู่ในถังไอระเหยในถังก็จะทำให้เกิดแรงดัน ในรถสมัยก่อนก็จะมีท่อหรือรูหายใจเอาใว้ อาจจะเป็นที่ท่อ ตรงคอเติมน้ำมันหรือที่ฝาถังก็จะมีกลไก ปิดเปิดว่าเมื่อ แรงดันจากไอระเหย มีเท่าไรท่อหายใจนี้ ก็จะเปิดออกให้แก๊สนั้นระบายไอน้ำมันออกทิ้งไป

จน ล่วงเข้ามาถึงยุคของวิกฤตการณ์น้ำมันเมื่อประมาณ1978 ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นการที่จะทำให้รถขายได้ก็ต้องทำให้ประหยัดน้ำมัน ก็เลยนำเอา ไอระเหยของน้ำมันกลับเข้าสู่ห้องเผาไหม้ใหม่ จากรูหายใจเดิมก็ต่อท่อเพิ่มจาก ถังน้ำมันให้ไอระเหยนี้คืนกลับเข้าสู่ห้องเผาไหม้ โดยมีชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์เพิ่มเติมติดตั้งเข้าไปอีกสามสี่อย่างขึ้นอยู่กับ ชนชั้น (ราคา) ของรถแต่ละรุ่นแต่ละค่าย

แต่ที่ทุกคันจะต้องมีก็คือ กรองดักไอระเหยอาจจะทำเป็นกระป๋องพลาสติกหรือโลหะขนาดย่อมๆ มีทางเข้าออกอยู่สามทาง ทางที่หนึ่งเป็นทางนำ ไอระเหยจากถังเข้ามาสู่ตัวกรองตัวนี้ที่ต่างด้าวเรียกว่าChacoal Filterหรือ Chacoal Cannister

แล้วแต่จะเรียกเจ้ากระป๋องขนาดเท่าขวดกาแฟ ที่มีทั้งรูปเหลี่ยมหรือกลมมนภายในจะบรรจุผงถ่านหินเอาไว้ เมื่อไอระเหยเข้ามาอยู่มากเกินกว่าที่ผงคาร์บอนจะกักเก็บไว้ ก็จะไหลออกทางท่อที่สอง คืนกลับเข้าถังวนเวียนกันอยู่อย่างนี้

ไม่ ว่าจะติดเครื่องหรือไม่ส่วนท่อที่สามก็จะต่อเข้ากับท่อ แวคคัม เส้นเล็กๆ เข้าสู่ท่อร่วมไอดีเมื่อเครื่องยนต์ทำงานก็จะเกิดแรงดูด แรงดูดนั้นก็จะดูดเอาไอน้ำมันนี้เข้าไปในห้องเผาไหม้แทนที่จะปล่อยระเหยทิ้ง ไป บางรุ่นบางยี่ห้อที่ท่อแวคคัมหรือท่อดูดนี้อาจจะมี วาล์วไฟฟ้าควบคุมให้ปิดเปิดตามรอบเครื่อง หรือบางรุ่นบางยี่ห้อก็เปิดให้ดูดได้อย่างเสรี

ว่ากันว่าถ้าระบบถูก ต้องไอระเหยที่นำกลับไปช่วยเผาไหม้นี้ทำให้การใช้เชื้อเพลิงโดยตรงลดน้อยลง ไปได้มากทีเดียว ทีนี้ถ้าถามว่า ถ้าไม่มีตัวนี้หรือรถที่ไม่ติดตั้งตัวนี้มาจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ตอบว่าไม่มีครับเพียงแต่รถคันนั้นจะปล่อยน้ำมันให้ระเหยออกไป ก็กินน้ำมันมากกว่าคันอื่นๆ ละครับ

ส่วนคำถามที่ว่าถ้ามีแล้วมีข้อ บกพร่องขึ้นมาจะมีอาการอย่างไรบ้าง อันนี้ตอบได้ไม่ชัดครับขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละยี่ห้อว่ามีอุปกรณ์ควบคุมมาก น้อยแค่ไหน

สำหรับรถของท่านนั้นที่ถามไปนานแล้ว ถ้ามาอ่านพบก็ลองตรวจดูเส้นสายทางเดินน้ำมันนี้ ทุกเส้นและหาเจ้ากรองไอน้ำมันตัวนี้ให้พบ ถ้าหาไม่พบก็หมายถึงว่าช่างที่วางเครื่องให้คุณใหม่นั้นไม่ใส่มาให้ อาจจะเพราะไม่เล็งเห็นความสำคัญและถ้าหาพบแล้วก็ตรวจท่อตรวจสายดูว่าอยู่ใน สภาพดีหรือไม่ และเมื่อพบแล้วถอดเจ้าตัว Activated Chacoal Cannister ตัวนี้ออกมาเขย่าดูว่ามี เศษผงคาร์บอนหลุดออกมาเป็นเม็ดๆหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องเปลี่ยน

และถ้าหากช่างวางเครื่องไม่ติดตั้งมาให้ก็ต้อง เข้าศูนย์โตโยต้าขอวงจรเขามาว่า ระบบดักไอระเหยนี้มีส่วนประกอบอะไรบ้าง และติดตั้งอยู่ตรงส่วนใด ถ้าถามผมคงไม่มีคำตอบให้เพราะแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะต่างกันทั้งอุปกรณ์และ ตำแหน่งติดตั้ง

ส่วนท่านอื่นๆ ที่ใช้รถมานานแล้วและรถกินน้ำมันผิดปกติหาสาเหตุยังไม่พบก็ลองไล่ระบบนี้ดูครับเชื่อว่าได้ผล (ประหยัดน้ำมัน) คุ้มค่า

Install'n Tuned🆙By ♎motorsport
Join to our world www.facebook.com/ohmmotorsport

ออฟไลน์ den_GC8 Kakimoto Regu 06&R

  • เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่ซูบารุ 2 คันอยู่บ้านเดียวกันได้
  • *
  • กระทู้: 357
  • Popular Vote : 4
  • ชอบจังซู
    • อีเมล์
Re: ไอเบนซิน กับการกินน้ำมัน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 11, 2010, 02:41:32 pm »
ขอบคุณครับ emo57o

ออฟไลน์ ST@BL3

  • มั่นคงทุกเส้นทางไปกับSTI
  • *
  • กระทู้: 1,420
  • Popular Vote : 1
Re: ไอเบนซิน กับการกินน้ำมัน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2010, 11:01:25 pm »
ขอบคุณครับ ข้อมูลดีๆที่ใครๆก็มองข้ามเจ้านี่ ผมว่าสำคัญเชียวล่ะ

ออฟไลน์ ST@BL3

  • มั่นคงทุกเส้นทางไปกับSTI
  • *
  • กระทู้: 1,420
  • Popular Vote : 1
Re: ไอเบนซิน กับการกินน้ำมัน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2010, 12:21:54 pm »

ดูจากlinkนี้แล้วกัน จะอ๋อเลยครับ    http://www.drive.subaru.com/Sum03_FuelSystem.htm